เจติยา บุญเจริญ ลูกทุ่งมุ่งสู่ฝัน
ลูกทุ่งหมอลำสาวบ้านนา คนอีสานขนานแท้ (เด้อ) เกิดที่ จ.ร้อยเอ็ด สู้ชีวิตมาตั้งแต่เด็กๆ หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน ทว่าเธอไม่เคยย่นย่อต่อโชคชะตา
โดย...แจนยูอารี ภาพ วีรวงศ์ วงศ์ปรีดี
ลูกทุ่งหมอลำสาวบ้านนา คนอีสานขนานแท้ (เด้อ) เกิดที่ จ.ร้อยเอ็ด สู้ชีวิตมาตั้งแต่เด็กๆ หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน ทว่าเธอไม่เคยย่นย่อต่อโชคชะตา
เรื่องจริงที่หลุดออกมาจากปาก “สาวแย้ เจติยา” หรือ “เจติยา บุญเจริญ” ดราม่าไม่แพ้ละครหลังข่าว น่าสนใจ น่าศึกษา ยิ่งเฉพาะเรื่องหัวจิตหัวใจ ต้องยกให้เธอ เกินร้อย สู้ไม่ถอย
เห็นชัดสุดคือ ความฝันการเป็นนักร้อง ร่วม 10 ปีที่อยู่ในวงการ เคยออกอัลบั้ม แต่กลายเป็นว่าเธอก็ยังไม่เด่นไม่ดัง เพลงไม่เข้าหูและไม่สามารถเข้าไปอยู่ในใจแฟนๆ
ถ้าวันนั้นเธอละทิ้งความฝัน แล้วหันหลังกลับไปเลี้ยงควายหรือทำนา เธอคงไม่มีวันนี้ ที่ใครๆ ก็ร้องเพลงได้ รู้จักเธอในนาม สาวแย้ ลมพัดตึ้ง
“มันเป็นช่วงจังหวะและโอกาสค่ะ อาจจะเพราะยังไม่ใช่เวลาของเรามั้งคะ (หัวเราะ) เราก็เลยไม่ดัง มีอัลบั้มนะคะ ร้องเพลงประกอบละครก็ร้อง แต่ก็ยังไม่ดัง เราเชื่อเรื่องโชคชะตานะคะ ถ้ามันยังไม่มา ก็คือไม่มา ต้องรอ แต่เราก็ไม่เคยน้อยใจในโชคชะตา เพราะพ่อกับแม่ได้สร้างภูมิต้านทานเราไว้แล้ว ไม่มีอะไรมาได้ง่ายๆ หรอกค่ะ ต้องรอและต้องลงมือทำเองค่ะ”
ว่ากันไม่ได้ เส้นทางใครก็ของใคร เมื่อถูกลิขิตไว้ ก็คงแล้วแต่โชคชะตา บางคนมาไว แป๊บเดียวดังเป็นพลุแตก เพลงฮิตติดลมบน คนทั้งบ้านทั้งเมืองรู้จัก จากสาวบ้านนาสู่ซุป’ตาร์ ประจักษ์แจ้งก็หลายราย แต่ไม่ใช่สาวแย้แน่นอน เพราะการมีวันนี้ของเธอ ทุกอย่างไล่ไปตามสเต็ป
“ถ้าร้องเพลงจริงๆ ก็ตอนเรียน ม.5 ค่ะ ส่วนการประกวดนี่เริ่มตั้งแต่ตอน ป.4 ป.5 แล้วละค่ะ มันเริ่มมาจากเราชอบร้องเพลง ครูที่โรงเรียนเห็นแววก็จับเรามาเป็นตัวแทนโรงเรียน ประมาณแสดงความสามารถ ก็มาถูกทางเราสิคะ ได้มีโอกาสร้องเพลงมาตลอด
ไม่คิดนะคะว่าตัวเองจะมีวันนี้ ส่วนหนึ่งก็คิดว่าเพราะผู้ใหญ่ยังเอ็นดู ยังให้โอกาส แม้โอกาสนั้นอาจจะไม่เหมือนคนอื่น อาจจะไม่ทำให้เราดังชั่วข้ามคืน มันก็เลยทำให้เราไม่ยอมถอยและเลิกอาชีพนี้ เราอาจจะไม่ใช่คนทั้งประเทศรู้จัก แต่เราก็ยังได้รับโอกาสดีๆ ได้ร้องเพลง ได้ทำตามฝัน”
“ลมพัดตึ้ง ก้ำภูกระดึงเขตเมืองเลย ยังจำคำที่ไผเอ่ย ว่าบ่เคยจะคิดลืมแฟน ยกมือขึ้นบ๊ายบาย ตอนที่อ้ายจะกลับขอนแก่น ยังคิดเห็นแต่หน้าแฟน หนุ่มขอนแก่นพะว้าพะวัง” เพลงนี้ชื่อเต็มๆ คือ “สาวเลยยังรอ” ไม่ใช่เพลงที่แต่งขึ้นใหม่ มีมานานกาเล โดยครูเพลงอีสาน “เทพพร เพชรอุบล” แต่งไว้ มีนักร้องหลายรายนำไปขับร้อง แต่ที่ดังทะลุปรอท ติดทุกชาร์ต ก็ต้องยกให้สาวแย้นี่ละ จนเป็นที่มาของฉายา สาวแย้ ลมพัดตึ้ง
“เพลงนี้ทำให้เราเป็นที่รู้จักมากขึ้น เราเองก็ยังไม่เชื่อว่ามันจริง ใช่เหรอ เพลงขึ้นอันดับหนึ่งคลื่นวิทยุ เราฟังแล้วยังคิดว่าโกหก (หัวเราะ) โกหกให้เราดีใจ แต่พอเริ่มมีงานเยอะขึ้น มีโชว์ตัวและออกสื่อเยอะขึ้น เราถึงเชื่อนะ เพลงนี้คือจุดเปลี่ยนในชีวิตของเราเลยนะคะหลังจากที่เรารอมานาน”
เมื่อความดังปรากฏ ความแรงก็ตามมา นักร้องลูกทุ่งหมอลำเชื่อว่าความดังและความแรงที่เธอได้รับ ล้วนมาจากบุญพาวาสนาส่ง และเธอก็ไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้ร้องเพลงที่แต่งไว้โดยบรมครูเพลงผู้จากไป ซึ่งเธอเคยได้ยินชื่อและเคยรู้จักเพลงเก่าเก็บ
“เวอร์ชั่นดั้งเดิมจะเป็นเพลงช้า ไม่ได้ตึ้ง ตึ้ง ตึ้ง ไม่มีท่าเต้น ไม่ได้เน้นจังหวะแบบนี้เลย ฟังแล้วเคลิ้ม เพราะมากๆ ค่ะ แต่พอมาเป็นเวอร์ชั่นเรา ผู้ใหญ่ทางค่าย (ชัวร์ออดิโอ) ก็ปรับใหม่หมด จังหวะสนุกสนาน มีท่าเต้น เน้นคำเพื่อให้เป็นที่จดจำ เวลาร้องตามก็จะจำท่อนฮุกนี้ได้”
ยุคสมัยเปลี่ยน เพลงก็ต้องเปลี่ยน จากเพลงเก่าก็นำมาปรับให้เป็นเพลงทันสมัย ใส่รายละเอียด เพิ่มลูกเล่น จนมัดใจแฟนๆ ทุกเพศทุกวัย ร้องตามได้อย่างไม่เคอะเขิน โดยยังคงความเป็นบทเพลงระดับตำนาน ผสานความเป็นอีสานไว้อย่างไม่ตกหล่น
“ที่ปรับเปลี่ยนนี่ก็เพื่อทำให้ของเก่ามันกลับมามีชีวิตชีวาค่ะ เราไม่ได้ปรับเปลี่ยนโดยทิ้งรากเหง้าเก่า หรือเอาสิ่งดีๆ ที่ครูเพลงสร้างไว้ออก เรายังเคารพและบูชาครูเพลงและเพลงเก่า คำว่านักร้องลูกทุ่งหมอลำมันจะขลังเสมอ ถ้าตราบใดเรายังรักษาเอกลักษณ์เฉพาะตัวความเป็นลูกทุ่งหมอลำไว้ เพลงลูกทุ่งหมอลำอาจจะฟังง่ายแต่มีความหมายค่ะ”


