อาทิตยา ดิถีเพ็ญ เรียบง่ายสไตล์มินิมัล
ใช้เวลาโลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิง ได้เรียนรู้ประสบการณ์การทำงานตั้งแต่วัยรุ่น
โดย...ปอย
ใช้เวลาโลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิง ได้เรียนรู้ประสบการณ์การทำงานตั้งแต่วัยรุ่น แต่ในที่สุดก็ขอลาวงการ เพราะต้องการเติบโตทำงานเวิร์กกิ้งวูเมน อาทิตยา ดิถีเพ็ญ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท แฟชั่นควีน กล่าวว่า เรียนจบมาจากคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ จึงอยากใช้วิชาตามที่ร่ำเรียนมาและได้ทำงานในตำแหน่งแบรนด์แมนเนเจอร์ของกระเป๋าแบรนด์เนมจากฝรั่งเศส สะสมชั่วโมงบินด้านการติดต่อธุรกิจกับดิสทริบิวเตอร์จากทั่วโลกทั้งชาวเอเชีย ยุโรป และสหรัฐ
“วัฒนธรรมการทำงานแต่ละชาติก็ไม่เหมือนกันนะคะ เยอรมนี ญี่ปุ่น เข้มงวดเรื่องเวลามากค่ะ อย่างเช่นการนัดหมายเขาต้องไปก่อน 10 นาที ขณะที่เราคนไทยเลตสัก 5 นาทีก็ไม่เป็นไร แต่ฝรั่งเขาถือมาก” มินท์ อาทิตยา บอกพร้อมรอยยิ้มหวานสไตล์นางเอกที่หลายคนคงคุ้นหน้าคุ้นตากันดี
ประสบการณ์จากการทำงาน อาทิตยา บอกว่า ธุรกิจเป็นเรื่องน่าสนใจ และเมื่อแต่งงานกับสามีนักธุรกิจ ณัฐกิจ รุ่งจรูญ ผู้นำเข้าอุปกรณ์ความงาม จึงเป็นการปูเส้นทางให้เธอเข้ามาเป็นผู้บริหารธุรกิจนำเข้าเครื่องสำอางจากประเทศเยอรมนี แบรนด์เอสเซนส์ (Essence) และญี่ปุ่น แบรนด์คิสมี (Kiss Me) ที่สาวๆ วัยทีนรู้จักกันดี
“ดิฉันโชคดีค่ะที่ได้ทำงานตั้งแต่เด็กๆ เข้าวงการบันเทิงตั้งแต่ 18 ปี ตอนทำงานก็เหนื่อยนะคะเพราะเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย เพื่อนบางคนเรียนจบปริญญาโทยังไม่เคยทำงานเลย แต่เราทำงานเป็นสิบปีแล้ว แล้วการได้ทำงานร่วมกับผู้ใหญ่แม้จะอยู่คนละวงการ แต่ก็ถือว่าเป็นการทำให้เรารู้จักการติดต่อพบปะบุคคลหลากหลายรูปแบบ แล้วเมื่อเริ่มงานหลังเรียนจบก็ได้เรียนรู้ทั้งเรื่องธุรกิจ และความรู้ในวงการแฟชั่น แบรนด์แมนเนเจอร์กระเป๋าแบรนด์ระดับโลก ก็จะได้เห็นคอลเลกชั่นใหม่ๆ และเราเป็นคนเลือกสินค้าเข้ามาจำหน่ายในไทย แต่งานผู้จัดการผลิตภัณฑ์ก็ไม่ได้อยู่แค่นั้นนะคะ ดิฉันต้องดูเรื่องการทำการตลาด ดูยอดขาย ดูโปรโมชั่น และติดต่อกับนักข่าวสายแฟชั่นและการตลาดอีกด้วย ก็เป็นการเก็บประสบการณ์งานที่ดีมาก
ทุกวันนี้ยังมีแฟนละครรุ่นใหญ่เข้ามาทักเรา ...น้องมินท์ รังหนาว เล่นกับพี่แซม ยุรนันท์ ค่ะ บทนางเอกเรียบร้อยเจ้าน้ำตา ซึ่งถ้าเปรียบกับคาแรกเตอร์ไม่เหมือนตัวเองเลยนะคะ เพราะเป็นคนตลกๆ โหดๆ ห้าวๆ แบบภาพยนตร์เรื่อง 7 ประจัญบาน เป็นเรื่องแรกที่ได้รับบทตลก ชอบมาก อาจจะเป็นเพราะได้เล่นแต่ละครดราม่า ดิฉันจึงไม่ค่อยรู้สึกว่าเป็นงานที่เหมาะกับตัวเองเท่าใดนัก ทำให้อยากมาทำงานตามที่เรียนมากกว่า” อาทิตยา บอกสำทับพร้อมรอยยิ้มว่าในเรื่องมุมตลกๆ นี่หลายคนอาจไม่เคยชิน
ช่องทางการเป็นนักธุรกิจ เริ่มขึ้นหลังแต่งงานกับการนำเข้าเครื่องสำอางคิสมีจากญี่ปุ่น และเอสเซนส์ คัลเลอร์คอสเมติกจากเยอรมนี
“แบรนด์ที่ดิฉันนำเข้าล่าสุด ได้ไปเดินงานบิวตี้แฟร์ที่อิตาลี ก็ได้เจอแบรนด์เอสเซนส์ เป็นเครื่องสำอางที่ดังมากในเยอรมนี ซึ่งด้วยราคาสำหรับหญิงสาววัยรุ่น และช่องทางการจำหน่าย จัดเป็นเครื่องสำอางระดับแมสที่มีคุณภาพ เด็กฝรั่งอายุ 12 ปีก็ซื้อเครื่องสำอางใช้กันแล้วนะคะ
สำหรับเด็กไทยเติบโตช้ากว่าฝรั่ง แต่ตลาดเราจะกว้างกว่าค่ะ เพราะกลุ่มลูกค้าไทยคือ ตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงวัยทำงาน เพราะเราค่อนข้างกล้าและสนุกสนานกับการใช้เครื่องสำอางยี่ห้อใหม่ๆ สีสันใหม่ๆ ดิฉันจึงตัดสินใจนำเข้ามาเป็นแบรนด์แรกๆ ในเมืองไทยที่นำเข้ามาจากเยอรมนี ซึ่งเป็นประเทศที่มีวิธีการทำงานค่อนข้างคอนเซอร์เวทีฟมาก กว่าจะยินยอมให้เราเป็นตัวแทนจำหน่ายเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ค่อนข้างยากค่ะจนเขามั่นใจว่าจะทำตลาดอินเตอร์ จึงยอมให้เราวางจำหน่ายในเอเชีย ซึ่งวางจำหน่ายตามร้านสุขภาพและความงาม และตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ กว่า 300 จุดแล้วค่ะ
แม้จะเป็นเครื่องสำอางวัยรุ่น แต่มาตรฐานอียูทุกๆ ชิ้น อย่างเช่น ยาทาเล็บผลิตที่ฝรั่งเศส หลายๆ ชิ้นได้รางวัลจากนิตยสารความงามชั้นนำของเมืองไทยด้วยนะคะ ด้วยคุณภาพทำให้ไม่กลัวคู่แข่ง ที่วันนี้วงการเครื่องสำอางแข่งขันกันดุเดือดมาก มีสินค้าคล้ายๆ กัน และราคาก็ใกล้เคียงกันเป็นตัวเลือกในกลุ่มคัลเลอร์คอสเมติกหลายๆ ยี่ห้อเลย เพราะฉะนั้นเราต้องแข่งกันด้วยคุณภาพค่ะ” อาทิตยา กล่าวในบุคลิกนำธุรกิจเต็มร้อยไม่เหลือเค้านางเอกนุ่มนิ่ม อ่อนหวานเอาเลย
การทำงานในตำแหน่งผู้บริหารระดับเอ็มดีอาทิตยา กล่าวว่า ศักยภาพค่อยๆ เติบโตไปพร้อมกับแบรนด์ที่รับผิดชอบ
“จากบริษัทลูกของสามี ต้องใช้ฐานข้อมูลทั้งหมดจากของบริษัทเขาเป็นพี่เลี้ยง ตั้งแต่เรื่องบัญชี ไปจนถึงเรื่องคลังสินค้าแวร์เฮาส์ แต่ในเวลานี้ บริษัท แฟชั่นควีน มีพนักงาน 30 กว่าคน จากเริ่มต้นไม่ถึงสิบคน มีแผนกบัญชีเอง ก็เรียกว่าเติบโตอย่างเป็นระบบ
ดิฉันบริหารในฐานะเจ้าของกิจการต้องดูแลทั้ง 360 องศา ไม่ได้ดูเพียงแค่การตลาดหรือทำแบรนด์เหมือนตอนทำงานเป็นลูกจ้างแล้วนะคะ การทำธุรกิจดิฉันค่อนข้างให้ความสำคัญกับเรื่องคน ดิฉันไม่ได้ต้องการพนักงานเก่งกาจมากมาย เพียงขอให้คุณเป็นคนดีที่รักองค์กร ถ้ามีใจก็พัฒนาความสามารถได้แล้วค่ะ แต่ถ้าพนักงานไม่มีใจให้องค์กรก็ยากจะไปถึงเป้าหมายด้วยกันได้นะคะ
ดิฉันไม่ใช่ผู้หญิงสไตล์อ่อนหวาน (บอกพร้อมรอยยิ้มหวานสนิท) เป็นผู้หญิงห้าว ลุย แต่ภาพที่ออกมาคนก็จะเห็นว่าเราค่อนข้างเรียบร้อยนะคะ ลุคนักธุรกิจหญิงสำหรับดิฉันน่าจะเป็นลุคเรียบง่ายสไตล์มินิมัล การเลือกเสื้อผ้าเน้นเรื่องของความคล่องแคล่วในการทำงาน สีโมโนโทน ดำ ขาว น้ำเงิน หรือสีเอิร์ทโทน หยิบมาสวมใส่ได้ทันที ไม่เคยมีเสื้อผ้าลูกไม้เลยนะคะเพราะรู้สึกไม่เข้ากับตัวเองเอาเลย ชอบใส่กางเกงเท่ๆ สไตล์ผู้ชายนิดๆ ด้วยซ้ำไปค่ะ แล้วถึงแม้อยู่ในวงการเครื่องสำอางก็ไม่ได้ชอบแต่งหน้า หรือแต่งตัวเยอะเพราะรู้สึกว่าทำงานไม่สะดวก
การแต่งหน้าไม่เคยแต่งหน้าสโมกี้ดำ ปากแดง (หัวเราะ) แต่งหน้าทำผมเองค่ะสำหรับการทำงานประจำวัน อย่างวันนี้ก็เน้นแค่เขียนคิ้ว เพราะเราก็ต้องเรียนรู้ทริกจากช่างแต่งหน้า ที่แนะนำว่าดวงตาค่อนข้างโต การแต่งในแบบสโมกี้สำหรับไปปาร์ตี้หรืออีเวนต์ตอนกลางคืนเท่านั้นค่ะ
ดิฉันแนะนำว่าผู้หญิงที่ไม่ค่อยชอบแต่งหน้าเยอะแต่อยากให้ใบหน้าดูมีดีเทล ต้องลองติดขนตาค่ะ ตาจะดูยาว หรือดูกลมมีมิติขึ้น โดยไม่ต้องไประบายอะไรมากมายนะคะ แค่นี้คุณจะดูมีอะไรขึ้นมาทันที ไม่เยอะ ไม่น้อยจนเกินไป การแต่งหน้าที่ดีต้องเป็นตัวเองค่ะ ไม่ใช่แต่งไปออกงานแล้วไม่มีคนทักทาย เพราะจำเราไม่ได้” อาทิตยา บอกพร้อมเสียงหัวเราะเบาๆ ทิ้งท้ายในสไตล์นักธุรกิจหญิงบุคลิกเรียบและดูมั่นคง


