พาแม่ไหว้พระบรมสารีริกธาตุ ที่ พิพิธภัณฑ์พุทธธรรม
วันนี้อากาศดี จะมัวนอนซุกผ้าห่มกันอยู่ทำไมครับ ออกมาพาคุณแม่สุดที่รักสัมผัสกับโลกภายนอกกันดีกว่า และถ้ายังนึกไม่ออกว่าจะไปไหนดี
โดย...สืบสิน / ภาพ กีกี้
วันนี้อากาศดี จะมัวนอนซุกผ้าห่มกันอยู่ทำไมครับ ออกมาพาคุณแม่สุดที่รักสัมผัสกับโลกภายนอกกันดีกว่า และถ้ายังนึกไม่ออกว่าจะไปไหนดี ผมขอแนะนำให้พาคุณแม่สุดที่รักไปนมัสการพระบรมสารีริกธาตุที่ใหญ่ที่สุดในโลกกัน เชื่อเถอะว่าทั้งคุณและคุณแม่ก็จะรู้สึกชุ่มชื่นใจได้ไม่ยาก
พระบรมสารีริกธาตุที่ขึ้นชื่อว่าใหญ่ที่สุดในโลกนี้ ตั้งอยู่ที่ พิพิธภัณฑ์พระพุทธธรรม พระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งนับว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ทางพระพุทธศาสนาที่ทรงคุณค่ายิ่งต่อการไปกราบนมัสการ
พิพิธภัณฑ์พระพุทธธรรม พระบรมสารีริกธาตุ แห่งนี้ตั้งอยู่ในอาคารบางกอกสแควร์ ถนนพระราม 3 แค่นี้เอง พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นอาคารที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่กว้างขวางกว่า 1,500 ตารางเมตร และเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เปิดขึ้นเพื่อการเผยแพร่เกี่ยวกับพระบรมสารีริกธาตุที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อให้ทุกท่านได้มาร่วมสักการะ ได้เรียนรู้ และระลึกถึงในพระพุทธองค์กัน
ภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้เก็บรักษาและรวบรวม “พระบรมสารีริกธาตุ” ไว้มากกว่า 600 องค์ และเป็นแห่งแรกในโลกที่มีการนำแสดงถึงพระบรมสารีริกธาตุจากหลากหลายประเทศในเอเชีย ทั้งจากประเทศอินเดีย เนปาล ทิเบต จีน พม่า ไต้หวัน ศรีลังกา สิงคโปร์ และไทย ซึ่งมีการจัดแสดงแบ่งเป็นโซนต่างๆ ที่แสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนาในประเทศต่างๆ ไว้อย่างครบครันเลยทีเดียว
พระบรมสารีริกธาตุ
ก่อนที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะปรินิพานได้รับสั่งกับพระอรหันต์สาวกผู้มีนามว่า พระภควัมบดี ว่า ถ้าเมื่อถึงกาลที่พระองค์ได้ถึงดับขันธ์ปรินิพานแล้ว ให้พระภควัมบดีนำพระทนต์ (ฟัน) ทั้ง 33 องค์ ไปมอบให้กับพระเจ้ามหาศิริมาลาอโศกา ผู้ครองดินแดนสุวรรณภูมิ และเมื่อถึงกาลดับขันธ์ปรินิพานขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว พระภควัมบดีจึงได้ปฏิบัติตามพระกระแสรับสั่งขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยได้มอบพระทนต์ทั้ง 33 องค์ ให้กับพระเจ้ามหาศิริมาลาอโศกา เมื่อทรงรับมอบแล้ว จึงได้มีพระกระแสรับสั่งให้นายทหารขุดบ่อน้ำขึ้นมา 2 บ่อ และสรงน้ำพระทนต์ทั้ง 33 องค์ ซึ่งบ่อน้ำนี้ก็ยังปรากฏอยู่จนถึงทุกวันนี้ที่หมู่บ้านตะทอน รัฐมินยาง ประเทศพม่า
ซึ่งหลังจากที่พระองค์ได้ทรงรับสั่งให้นายทหารขุดบ่อน้ำแล้ว ก็ยังทรงมีรับสั่งให้สร้างเจดีย์ที่ทำด้วยหิน 33 เจดีย์ เพื่อบรรจุพระทนต์ทั้ง 33 องค์ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไว้ในเจดีย์อีกด้วย ต่อมาในปี พ.ศ. 236 พระเจ้าจุฬาศิริมาลาอโศกา พระองค์เป็นผู้ที่มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก และพระองค์ได้มีการปรับเปลี่ยนครั้งสำคัญ คือได้มีการอัญเชิญพระทนต์ทั้ง 33 องค์ จากเจดีย์ทั้ง 33 แห่ง ที่พระเจ้ามหาศิริมาลาอโศกาได้ทรงสร้างไว้ครั้งอดีตมาบรรจุหีบทองคำทั้ง 33 ใบ และนำไปเก็บไว้ในหอทองคำทั้ง 33 แห่งที่สร้างขึ้นใหม่
และพระองค์ก็ทรงตรัสว่า “ถ้าหากว่าพระทนต์ทั้ง 33 องค์ ศักดิ์สิทธิ์จริง ก็ขอให้พระพุทธศาสนาได้เผยแผ่ไปทั่วโลก” และหลังจากนั้นหีบทองคำทั้ง 33 ใบก็ได้หายไป แต่ได้ถูกค้นพบในเวลาต่อมา ซึ่งได้กระจายไปทั่วในเขตแผ่นดินสุวรรณภูมิ และในเวลาต่อมาพระทนต์ 1 องค์ ได้ถูกค้นพบที่เจดีย์เก่าแก่ที่ได้พังลงมา ณ หมู่บ้านตะทอน รัฐมินยาง ประเทศพม่า และได้มีการเก็บรักษาจากรุ่นสู่รุ่นมา จนกระทั่งได้มอบให้กับพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงองค์หนึ่งของพม่า ซึ่งมีนามว่า โคดานะ ซึ่งต่อมาท่านได้สร้างพิพิธภัณฑ์พระบรมสารีริกธาตุ เพื่อต้องการเผยแผ่พุทธศาสนิกชนให้พุทธศาสนิกชนได้เข้ามากราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุมาจนถึงทุกวันนี้
หอพระราชวัง
สำหรับห้องนี้มีพระบรมสารีริกธาตุที่จัดแสดงในหลากหลายสัณฐาน อาทิ พระสมอง พระโลหิต พระมังสะ พระจุมมะ ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า กลางห้องโถงเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตทั้ง 3 ฤดู โดยมียักษ์ 2 ตน ซึ่งเปรียบเสมือนผู้ที่คอยปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนา ภายในห้องยังประกอบไปด้วยหอพระเขี้ยวแก้ว 1 ใน 33 องค์ และยังมีภาพฝาผนังที่เล่าเรื่องราวที่เกี่ยวกับองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้ง 14 ตอนที่สำคัญ
วงมณี
สำหรับผู้ที่ต้องการให้ประสบความสำเร็จตามสิ่งที่ปรารถนา โดยหมุนวงมณีที่ภายในบรรจุด้วยมนต์ของทิเบต เพียง 3 รอบ ซึ่งจะช่วยในเรื่องของการประสบความสำเร็จ เพื่อให้จิตใจสงบ และมีบุญญานุภาพที่ช่วยขจัดปัดเป่าสิ่งที่ไม่ดีให้ไปจากชีวิตของเราอีกด้วย และมีผู้เชี่ยวชาญในด้านการทำนายให้กับผู้ที่ไปสักการะอีกด้วยนะครับ
หอพระบุศบก
เมื่อมาถึงหอนี้เราจะได้สัมผัสถึงความตระการตาของกระดูกส่วนหน้าอกขององค์พระศรีศากยมุนีพุทธเจ้า ที่บรรจุอยู่ในเจดีย์ทอง โดยมีกินรี 2 ตนคอยต้อนรับ และได้สัมผัสกับพระบรมสารีริกธาตุอย่างใกล้ชิด ชำระจิตใจให้สงบและถึงพร้อมเพื่อเตรียมตัวไปสู่ห้องถัดไป
ศาลาพระคเนศ
ศาลพระพิฆเนศปาง 51 ตา ตั้งอยู่บริเวณหน้าพิพิธภัณฑ์ ได้มีการอัญเชิญมาจากรัฐเชนไน ประเทศอินเดีย ได้มีการทำพิธีปลุกเสกจากพราหมณ์ ที่วัดพระพิฆเนศทั้ง 8 แห่งที่สำคัญของประเทศอินเดีย ซึ่งพระพิฆเนศปาง 51 ตานี้ เป็นปางพิเศษที่รวมมหาเทพหลายองค์มาอยู่ในพระพิฆเนศปางนี้ อาทิ พระศิวะ พระแม่อุมา พระนารายณ์ พระลักษมี พระแม่กายตรี พระแม่ติรีปุราสุนดารี ซึ่งเชื่อกันว่าใครที่บูชาปางนี้จะมีแต่ความสุขความเจริญด้วยโชคลาภ
ห้องศิลปะเทวรูปของเขมร
สัมผัสกับความงดงามทางด้านศิลปวัฒนธรรม ประติมากรรมในรูปแบบของเขมร ซึ่งแรกเข้ามาทุกท่านจะได้พบกับประติมากรรมแบบโบราณรูปหินแกะสลักศิลาพญานาคราช บรรยากาศภายในห้องเขมร
คนไทยเราส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ มีพระพุทธเจ้าเป็นศาสดา มีพระธรรมที่พระพุทธองค์ตรัสสอนไว้เป็นหลักคำสอนสำคัญ มีพุทธบริษัทเป็นชุมชนของผู้นับถือศาสนาและศึกษาปฏิบัติตนตามคำสั่งสอนของพระศาสดา และเพื่อสืบทอดพระธรรมแห่งพุทธศาสนา
ศิลปะเทวรูปของอินเดีย
สถานที่แห่งนี้จะได้พบกับเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่แห่งดินแดนภารตองค์สีทองสูงกว่า 4 เมตร พระนามว่า พระตรีมูรติ ผู้เป็นเทพพระเจ้าแห่งความรักความศรัทธา และความสำเร็จทั้งปวง โดยพลังแห่งบรมเทพทั้งสามพระองค์รวมอยู่ในร่างแห่งมหาเทพพระตรีมูรติ นั้นคือ พระอิศวรเจ้า พระนารายณ์ และพระพรหม ผู้เป็นเทพพระเจ้าที่อยู่เหนือทั้งสามโลก
พระตรีมูรติพระประธานในห้องอินเดีย
ก่อนที่พระพุทธศาสนาจะเผยแผ่มาถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น มีจุดกำเนิดอยู่ที่ประเทศอินเดีย ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเล่าให้เราฟังในห้องถัดไปคือ “ห้องอินเดีย” ภายในจัดแสดงพุทธศิลปะแบบอินเดีย มีองค์พระตรีมูรติลงทองเป็นองค์ประธานของห้อง นอกจากนี้ยังมีองค์เทพเคารพอีกมากมาย เช่น พระพิฆเนศที่ทำจากลาวาจากประเทศอินโดนีเซีย พระแม่ทุรคา พระแม่กาลีเหยียบพระศิวะ พระศิวะ พระขันธกุมารเทพเจ้าแห่งนักรบ พระกฤษณะ พระลักษมี เป็นต้น
ศิลปวัฒนธรรมของเอเชีย
เป็นสถานที่ที่ได้รวบรวมหลากหลายเรื่องราวของวัฒนธรรมอันดีงามทั้งภาพประกอบบอกเล่าความเป็นมา รวมถึงภาพศิลปจิตรกรรม งานประติมากรรมทางพุทธศิลป์ อีกทั้งเรื่องราวประวัติความเป็นมาของเทพเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์ในแต่ละพระองค์ของชาวเอเชียที่มีประวัติอันยิ่งใหญ่และยาวนานควบคู่กับความเคารพ ความศรัทธา และความเชื่อที่อยู่ในกฎเกณฑ์ของพระพุทธศาสนา แสดงให้เห็นถึงความเจริญทางจิตใจของมนุษย์ในสังคมของชาวเอเชียที่อยู่ร่วมกันมาอย่างสงบสุข
พระอรหันต์ทั้ง 18 องค์
เมื่อจะกล่าวถึงเรื่องราวการเผยแผ่ในหลักคำสอนของพระพุทธศาสนาที่องค์พระศาสดาได้กำหนดพระธรรมคำสอนไว้ในพระไตรปิฏก โดยมีศิษยานุศิษย์หลากหลายกลุ่มที่ยึดมั่นศรัทธาในคำสอนของพระพุทธองค์ แต่ที่เห็นจะขาดมิได้ในกลุ่มพระผู้ซึ่งศึกษาในพระธรรมนั้น ที่เป็นลูกศิษย์เอกของพระพุทธเจ้า โดยองค์พระศาสดาได้ให้หลักธรรมคำสอนพระพุทธธรรมต่างๆ อย่างมากมาย และด้วยความอุสาหะในการศึกษาพระธรรมและปฏิบัติชอบในพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ จึงสำเร็จในพระธรรมและบรรลุเป็นชั้นพระอรหันต์ทั้ง 18 องค์ เรียกกันว่า “พระ 18 อรหันต์” ซึ่งแต่ละองค์จะมีความรู้ซึ้งถึงพระธรรมคำสอนเป็นอย่างดี เพื่อเป็นตัวแทนของพระพุทธองค์ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา อีกทั้งเรื่องความสามารถที่วิเศษในแต่ละองค์ก็มีความแตกต่างกันไป
หอพระธรรมทิเบต
สถานที่รวบรวมพระสารีริกธาตุของพระอรหันต์ธาตุทั้ง 600 องค์ และพระพุทธรูปที่สวยงามมากมาย ศิลปะในรูปแบบงานของทิเบต อีกทั้งยังได้มีการจัดสร้างเทวรูปพระโพธิสัตว์ ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่สักการบูชาในพิพิธภัณฑ์พระพุทธธรรม พระบรมสารีริกธาตุ โดยสร้างขึ้นจากไม้จันทน์หอมองค์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ใช้ระยะเวลาในการจัดสร้างนานกว่า 2 ปี
สำหรับผู้ที่ต้องการไปท่องเที่ยวและนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ ณ พิพิธภัณฑ์พระพุทธธรรม พระบรมสารีริกธาตุ สามารถไปได้ที่อาคารบางกอกสแควร์ ถนนพระราม 3 เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00-22.00 น. โดยไม่เสียค่าเข้าชม และสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่ โทร. 02-295-3398, 02-295-4233, 02-295-1433 และ 081-889-8221


