มุมมองความสุข ดีเจซี๊ดนรเศรษฐ หมัดคง
หลัง นรเศรษฐ หมัดคง หรือดีเจซี๊ด และภรรยา ปรียมน พูลเพิ่ม รู้ว่า น้องยาสนรมน หมัดคง ลูกชายคนแรกและคนเดียว
หลัง นรเศรษฐ หมัดคง หรือดีเจซี๊ด และภรรยา ปรียมน พูลเพิ่ม รู้ว่า น้องยาสนรมน หมัดคง ลูกชายคนแรกและคนเดียว
โดย...โยธิน อยู่จงดี
หลัง นรเศรษฐ หมัดคง หรือดีเจซี๊ด และภรรยา ปรียมน พูลเพิ่ม รู้ว่า น้องยาสนรมน หมัดคง ลูกชายคนแรกและคนเดียว เป็นโรคเด็กสมองแก้ว เพราะตอนคลอดรกพันคอ ทำให้เด็กขาดออกซิเจนไปเลี้ยงสมองชั่วขณะ ส่งผลให้น้องยาสไม่มีพัฒนาการเหมือนเด็กทั่วไป สิ่งที่ทั้งสองทำได้ คือ การยอมรับความจริง และทำหน้าที่ของความเป็นพ่อแม่ให้ดีที่สุด ด้วยการนำหลักคำสอนของศาสนาอิสลาม และหลักแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้เพื่อชีวิตที่มีความสุข
เพราะ นรเศรษฐ คิดเสมอว่าทุกคนเกิดมาล้วนมีหน้าที่ และเราต้องทำหน้าที่นั้นให้ดีที่สุดอย่างไม่มีข้อสงสัย เพราะพระผู้เป็นเจ้าประทานหน้าที่นั้นมาให้เราแล้ว มีคำสอนที่ว่าจงมีความเชื่ออย่างร้อยเปอร์เซ็นต์ โดยไม่มีการตั้งข้อสงสัยใดๆ ทั้งสิ้นกับการงานทุกสรรพสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นการงาน ความดี ความชั่ว ความเลว หรือสิ่งที่เป็นโชคดี โชคร้าย มาจากลิขิตของพระผู้เป็นเจ้าทั้งหมด ถามว่าลิขิตนั้นเป็นอย่างนั้นทำไม ให้คิดว่าเป็นความสมดุลของโลกใบนี้ หากโลกนี้ขาวหรือดำไปทั้งหมด พระเจ้าจะสร้างมาทำไม
“เราควรจะพอใจว่าสิ่งเหล่านี้มาจากพระเจ้า และเราก็ต้องทำหน้าที่นั้นให้ดีที่สุด แต่ไม่ใช่ยอมแพ้ เรายังต้องเดินตามความฝันของเราต้องไป เมื่อเราเจอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับลูก ก็มองในแง่ที่ว่าพระเจ้าคงเตือนอะไรเราบางอย่าง ถ้าเป็นทางพุทธอาจจะบอกว่า เราเคยทำบาปอะไรมาหรือเปล่า สิ่งนี้ก็คงไม่ต่างกัน ถ้าเราเคยทำให้พ่อแม่เสียใจ ตอนนี้พระผู้เป็นเจ้าคงประทานความรู้สึกนั้นมาให้เราได้รู้ว่าการมีลูกนั้นทำให้คนเป็นพ่อเป็นแม่รู้สึกผูกพันแค่ไหน แล้วเราก็ได้รับรู้ความผูกพัน ความทุกข์ และความสุขของการมีลูกนั้น
“การที่ลูกเกิดมาเป็นเด็กพิเศษ ไม่ได้หมายความว่าผมกับภรรยาจะต้องรู้สึกทุกข์ แต่ลูกคนนี้คือสิ่งที่เตือนใจให้เราระลึกถึงคุณค่าและหน้าที่ของความเป็นมนุษย์ ให้เรารู้จักการดูแลตัวเอง ดูแลครอบครัว ลูกทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองโชคดีและมีความสุขมากแค่ไหนที่มีครอบครัวอันอบอุ่น มีภรรยาแสนดีคอยดูแลลูกและเรื่องทุกอย่างทางบ้าน มีลูกที่เรารู้สึกผูกพันและตระหนักว่าชีวิตเขามีค่าสำหรับครอบครัว ทุกครั้งที่กลับมาบ้าน เราจะได้กอด ได้หอมแก้มลูก พูดคุยและหยอกล้อกันอย่างมีความสุขเหมือนครอบครัวอื่นๆ ทั่วไป
“หากผมมัวแต่คิดถึงเหตุการณ์ในวันที่ทำให้ลูกต้องเป็นแบบนี้ ผมก็คงจมอยู่กับความแค้น และชีวิตก็ไม่มีวันพบความสุข แต่ถ้าเราเอาหลักคำสอนในศาสนามาใช้ในชีวิตประจำวัน จะศาสนาใดก็ได้ เราก็จะมีความสุขในแนวคิดที่ถูกต้อง เพราะทุกวันนี้เวลาที่คนเราทุกข์มักจะนึกถึงวัด สถานที่ปฏิบัติธรรม แต่ที่จริงแล้วคำสอนนั้นเราต้องเอามาใช้ที่ตัวเรา ไม่ใช่ที่วัดหรือที่ไหน”
การมองโลกในแง่บวกทำให้ ดีเจซี๊ด มีความสุข แม้ทุกสายตาจะมองว่าเขาโชคร้าย แต่จริงๆ แล้วชีวิตเขาโชคดีกว่าที่ทุกคนคิดหลายเท่า
ในการดำเนินชีวิต ดีเจซี๊ด ยังยึดแนวคิดการใช้ชีวิตอย่างพอเพียงเป็นหลัก “นอกจากทุกคนล้วนมีความฝันที่จะมีชีวิตที่ดี ทุกคนฝันอยากมีบ้านหลังใหญ่ แต่พอเราเอาเข้าจริง เรามีบ้านเล็กๆ แค่นี้เราก็พอใจแล้ว เราฝันอยากมีรถหรูๆ แต่เราได้รถแค่คันนี้เราก็พอใจแล้ว ผมอยากทำงานอะไรก็ได้อย่างที่เรามีความสุข อยากเป็นนักเขียน โปรดิวเซอร์ นักแต่งเพลง ดีเจ ก็ได้เป็นมาหมดทุกอย่างแล้ว ชีวิตนี้ผมยังต้องการอะไรอีก
“ถ้าเรารู้จักพอเพียง และเรารู้กำลังว่าเราสามารถทำอะไรได้แค่ไหน บอกกับตัวเองเสมอว่า ‘ไม่เป็นไร เราทำใหม่’ ตราบใดที่เรายังมีแรง มีลมหายใจ เราก็ทำหน้าที่ของเราไป ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ทำใหม่ เราทำหน้าที่เสนองาน ทำ 10 ชิ้น แต่เขาเอาแค่ 1 ชิ้นก็ไม่เป็นไร ถือว่าเราก็ยังทำได้
“วันพรุ่งนี้เรายังมีโอกาส เพราะสุดท้ายวันหนึ่งเราก็ต้องได้ทุกอย่างที่เราต้องการ เพียงแต่อาจจะช้าไป 5-10 ปี แต่ก็ถือว่าเราทำได้ และทุกคนก็ให้การยอมรับในวงการ พอถึงเวลาตอนนี้ได้ครบทุกอย่างแล้ว มันอาจใช้เวลาบ้าง แต่สุดท้ายก็ได้มา
“ตอนนี้เหลือความฝันเพียงอย่างเดียวก็คือ อยากพาลูกและภรรยาไปเที่ยวในสถานที่ที่เราเคยไป เราได้ไปที่ไหน พวกเขาต้องไปที่นั่นด้วย อยากพาไปต่างประเทศ ไปปาย ไปเที่ยวต่างจังหวัด ฝันไว้ 10 สถานที่ แต่พาไปได้จริงๆ แค่ 2 ที่ ก็ยังถือว่าได้พาไป เพราะบางที่เราก็พาน้องเขาไปลำบาก ติดขัดหลายๆ เรื่อง โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพของเขา เพราะทุกวันนี้คุณแม่ก็ได้แค่นอนครั้งละ 30 นาที ต้องตื่นมาดูดเสลด อุ้มประคองน้องเพื่อไม่ให้เขาเป็นแผลกดทับ
“เราทั้งคู่ยอมเหนื่อยเพื่อให้ลูกได้อยู่ต่อ มีหลายครั้งที่เขาจะไป เมื่อปีก่อนเขาอยู่โรงพยาบาลนานที่สุดถึง 3 เดือน เราทั้งคู่ก็จับมือบอกกับเขาข้างเตียงว่า ถ้าลูกอยากไปก็ไปเถอะ แต่ถ้าลูกอยากอยู่ต่อ พ่อแม่ก็ยินดีและดีใจมากที่สุด เราไม่ลำบากอะไรเลยจริงๆ เรามีความสุขมาก เพียงแค่ขอให้ลูกอยู่กับเราให้นานที่สุดเท่านั้น เหมือนปาฏิหาริย์น้องเขาฟื้นกลับมาเป็นปกติ แข็งแรงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
16 ปีมาแล้ว ที่ดีเจซี๊ดกับภรรยาใช้เวลาแรงกายและแรงใจเลี้ยงดูน้องยาสมาอย่างดี สิ่งที่เกิดขึ้นและเป็นไปของครอบครัวหมัดคง ทำให้เราตระหนักถึงความรักแท้ของพ่อแม่ที่มีต่อลูก ทำให้เราเชื่อในพลังของมนุษย์ผู้ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา และความจริงแล้วความสุขในชีวิตนั้นขึ้นอยู่กับมุมมองและวิธีคิดต่างหาก


