วิศวกรกับวิศวกรรมความปลอดภัย
โดย...วิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม
โดย...วิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม
“วิศวกร” โดยรากศัพท์แล้ว แปลว่า ผู้สร้าง ในปัจจุบันวิศวกร นอกจากจะทำหน้าที่ผู้สร้างแล้ว ยังต้องทำหน้าที่บำรุงรักษา ซ่อมแซม ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง แก้ไขให้สิ่งต่างๆ หรือระบบต่างๆ ที่ตนได้สร้างขึ้นมา เพื่อที่จะสามารถทำงานให้แก่มนุษย์ได้ใช้จนบรรลุวัตถุประสงค์
วันนี้จะพูดถึงเรื่องอุบัติเหตุอันตรายและมาตรการแก้ไขด้วยความรู้ทางวิศวกรรม
อุบัติเหตุอุบัติภัยที่เกิดขึ้นซ้ำซาก แสดงให้เห็นถึงความบกพร่องในการบริหารจัดการธุรกิจอุตสาหกรรมอย่างชัดเจน เพราะความเสียหายจากอุบัติเหตุ จะทำให้ผลกำไรของธุรกิจอุตสาหกรรมลดลง อันหมายถึงผลงานของผู้บริหารองค์กรนั้นๆ ลดลงด้วย
ปัญหาเรื่องอุบัติเหตุอันตรายควรเป็นเรื่องของ “การป้องกันล่วงหน้า” มากกว่าการแก้ไขปรับปรุงหลังเกิดเหตุแล้ว
การป้องกันที่ดีจะต้องเริ่มจากการออกแบบอย่างดีตั้งแต่เริ่มต้นเลย ตามหลักการ 3E ของการป้องกันอุบัติเหตุที่ยึดถือกันมานานแล้ว คือ Engineering Education และ Enforcement
เมื่อพูดถึงการออกแบบ ก็คงหนีไม่พ้นการคิดการคำนวณอย่างถูกต้องเหมาะสมในสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้าง อาคาร เครื่องจักรอุปกรณ์ ไฟฟ้า วัตถุดิบ กรรมวิธีการผลิต สภาพแวดล้อม (อุณหภูมิ) ความร้อน แสงสว่าง เสียงดัง เป็นต้น
การออกแบบข้างต้น จึงเป็นเรื่องของวิศวกรรมและเป็นงานของวิศวกรตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนานของมนุษยชาติ วิศวกรจะเป็นผู้ออกแบบและสร้างสิ่งต่างๆ ขึ้น (โดยเฉพาะสิ่งของที่เป็นรูปธรรมจับต้องได้) วิศวกรเป็นผู้ออกแบบ คำนวณ และสร้างอาคาร โรงงานเครื่องจักรอุปกรณ์ระบบต่างๆ ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ซับซ้อนขึ้น มีกำลังใช้งานมากขึ้น มีราคาแพงขึ้น และมีอันตรายมากขึ้น วิศวกรจะเป็นผู้ทำให้มีวัตถุดิบ สารเคมี ผลิตภัณฑ์และกรรมวิธีการผลิตใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย
โดยปกติแล้ววิศวกรโดยทั่วไปมักยึดถือ “ความปลอดภัย” เป็นส่วนสำคัญของการออกแบบไปในตัว วิศวกรส่วนใหญ่จะพยายามกำจัดโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุอันตรายให้หมดไป (หรือเหลือน้อยที่สุด) เพราะไม่ต้องการให้เกิด “ความสูญเสีย” ขึ้น ทั้งในชีวิตและทรัพย์สิน
แม้จะเป็นจริงตามนั้น แต่มักมีคำตำหนิทั้งจากสื่อมวลชนและผู้เกี่ยวข้องอยู่เสมอว่า “วิศวกรให้ความสำคัญในเรื่องความปลอดภัยน้อยกว่าที่ควร” หรือ “การออกแบบของวิศวกรมักจะมองข้ามความปลอดภัย”
วิศวกรด้านอากาศยานที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่งของอังกฤษ ชื่อ เจโรเม เลดเดอร์เรอร์ (Jerome Lederer) ได้วิจารณ์ไว้อย่างน่าฟังในปี ค.ศ. 1951 ว่า “การออกแบบโดยมองข้ามความปลอดภัยไป จะนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุอันตรายต่างๆ ได้ อาจเนื่องมาจากวิศวกรมีประสบการณ์ไม่เพียงพอ วิศวกรละเลย ทัศนคติที่ไม่ถูกต้องของวิศวกร หรือวิศวกรคำนึงถึงต้นทุนค่าใช้จ่ายมากเกินไป แต่ที่ถูกที่ควรแล้วจุดบกพร่องที่นำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุอันตรายเหล่านั้น สามารถหลีกเลี่ยงได้ ถ้าหากวิศวกรได้นำเอาหลักวิชาการด้านความปลอดภัยรวมเข้าไปในการออกแบบตั้งแต่ต้นเลย
นอกจากนี้ ยังปรากฏเป็นหลักฐานในกฎหมายความปลอดภัยของอังกฤษ (Roben’s Report) ที่วิพากษ์วิจารณ์วงการ “วิศวกรรม” ว่า ขั้นตอนแรกในการส่งเสริมความปลอดภัยและสุขอนามัยในที่ทำงานก็คือการต้องมั่นใจได้ว่าโรงงาน เครื่องจักร และวัสดุอุปกรณ์ได้รับการออกแบบ และก่อสร้างให้สามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัยในตัวเองตั้งแต่ต้นเลย”
งานด้าน “การป้องกันอุบัติเหตุ” และ “การสร้างความปลอดภัย” จึงควรจะเป็นงานของ “วิศวกร” โดยเฉพาะ “วิศวกรความปลอดภัย” บนพื้นฐานเสริมวิชาการด้าน “วิศวกรรมความปลอดภัย”
เพราะฉะนั้น “วิศวกรความปลอดภัย” นอกจากจะมีหน้าที่สร้างและปรับปรุงระบบป้องกันอุบัติภัยและระบบความปลอดภัยในการทำงานแล้ว ยังจะต้องมีหน้าที่ทำให้ระบบนั้นๆ ทำงานได้ดีตามวัตถุประสงค์ นั่นคืองานตรวจสอบความปลอดภัย งานฝึกอบรมความปลอดภัย งานประสานกับคณะกรรมการความปลอดภัย งานสืบสวนหาเหตุปัจจัยของอุบัติเหตุและงานร่วมมือกับฝ่ายบริหารจัดการ เป็นต้น
ทุกประเทศที่มีการประกอบธุรกิจอุตสาหกรรมที่ก้าวหน้าแล้ว จะมีสมาคมวิชาชีพในสาขาวิศวกรรมความปลอดภัยโดยเฉพาะ เช่น American Society of Safety Engineers ในสหรัฐอเมริกา และ Institute of Safety Engineers ในสหราชอาณาจักร เป็นต้น
สำหรับการผลิตบุคลากรด้านความปลอดภัยในสหรัฐอเมริกา มีการเรียนการสอนเรื่องวิศวกรรมความปลอดภัยในมหาวิทยาลัยประมาณ 30 แห่ง ซึ่งก็ได้มีการสอนจนถึงระดับปริญญาเอกอยู่หลายแห่งและผู้ประกอบอาชีพในสหรัฐอเมริกาก็จะต้องได้รับประกาศนียบัตร CSE (Certified Safety Engineer) จาก American Society of Safety Engineers ก่อน ส่วนในทวีปยุโรป เช่น สหราชอาณาจักร ผู้ที่เป็นวิศวกรความปลอดภัย จะต้องเป็นผู้ที่ผ่านการประกอบวิชาชีพวิศวกรรมด้านใดด้านหนึ่งก่อนเป็นระยะเวลาประมาณ 5 ปี แล้วมาขอรับการอบรมด้านวิศวกรรมความปลอดภัยเพิ่มเติม จึงจะเป็น “วิศวกรรมความปลอดภัย” โดยสมบูรณ์ได้
จากข้อความดังกล่าวข้างต้น จะเห็นได้ชัดเจนว่าการประกอบวิชาชีพวิศวกรรมนั้น นอกจากจะต้องมีความรู้พื้นฐานทางด้านวิศวกรรมแล้ว ยังต้องคำนึงถึงองค์ประกอบด้านการประหยัดและความปลอดภัยเป็นสาระสำคัญอีกด้วย
ทุกวันนี้ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้บุกเบิกการเรียนการสอนด้าน “วิศวกรรมความปลอดภัย” มากกว่า 10 ปีแล้วครับผม!


