สมฌศักดิ์ บรรดาศักดิ์ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระสงฆ์
จากการที่คุณเทียน วิไลรัตน์ จาก จ.ลำปาง ได้ถามเรื่องพระอารามหลวง สมณศักดิ์ และวุฒิอภิธรรม
จากการที่คุณเทียน วิไลรัตน์ จาก จ.ลำปาง ได้ถามเรื่องพระอารามหลวง สมณศักดิ์ และวุฒิอภิธรรม
โดย...สมาน สุดโต
จากการที่คุณเทียน วิไลรัตน์ จาก จ.ลำปาง ได้ถามเรื่องพระอารามหลวง สมณศักดิ์ และวุฒิอภิธรรม ผ่านคอลัมน์ สว่าง ณ กลางใจ นั้น คำถาม เรื่องพระอารามหลวงตอบไปแล้วในฉบับวันที่ 14 ส.ค. 2554 ในฉบับนี้จะตอบเรื่องสมณศักดิ์
ซึ่งคุณเทียนถามว่า เรื่องสมณศักดิ์ของพระยิ่งมึนใหญ่ เช่น พระครูปลัด พระครูใบฎีกา พระครูสัญญาบัตรฯ มีที่มาอย่างไร ใครใหญ่กว่าใคร รวมทั้งพระราชาคณะชั้นสามัญ ชั้นราช ชั้นเทพ ชั้นธรรม จนถึงชั้นสมเด็จ กรุณาเรียงลำดับให้ด้วย และพระราชาคณะชั้นสมเด็จเมืองไทยมีกี่รูป ขอนามเรียกทุกรูปด้วย
ขอตอบดังนี้ สมณศักดิ์ได้แก่บรรดาศักดิ์ หรืออิสริยยศของพระสงฆ์ เริ่มตั้งแต่พระครูสัญญาบัตร ถึงสมเด็จพระราชาคณะ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตั้งหรือสถาปนาขึ้นตามประเพณีที่ปฏิบัติมี 2 วิธี คือทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตามที่คณะสงฆ์และรัฐบาลทูลเกล้าฯ เสนอ อีกวิธีหนึ่งคือทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง หรือสถาปนาลงมา แล้วแต่พระราชอัธยาศัย
ส่วนการลำดับชั้นสมณศักดิ์นั้น หากลำดับตั้งแต่สูงสุดไปต่ำสุด ก็ขอลำดับดังนี้ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า หรือสมเด็จพระสังฆราช 1 พระองค์ สมเด็จพระราชาคณะชั้นสุพรรณบัฏ 8 รูป ปัจจุบันเหลือ 7 รูป รองสมเด็จพระราชาคณะ 20 รูป พระราชาคณะชั้นธรรม 49 รูป พระราชาคณะชั้นเทพ 98 รูป พระราชาคณะชั้นราช 209 รูป พระราชาคณะชั้นสามัญ 510 รูป ส่วนพระครูสัญญาบัตรนั้นไม่มีตัวเลขที่แน่นอน แต่ยืนยันได้ว่าเจ้าคณะตำบลทุกตำบลที่อยู่ในเขตปกครองของคณะสงฆ์ เป็นพระครูสัญญาบัตรทุกรูป
สมณศักดิ์แต่ละชั้นตั้งแต่พระครูสัญญาบัตร ถึงสมเด็จพระสังฆราช มีพัดยศเป็นเครื่องบ่งบอกชั้นยศและสมณศักดิ์ ถ้าดูลำดับความสำคัญจัดลำดับพัดยศ สมณศักดิ์ ฐานานุกรม เปรียญ ในงานพระราชพิธีรัฐพิธี ที่ปรับปรุง พ.ศ. 2541 โดยความเห็นชอบของมหาเถรสมาคม ที่ประชุมเมื่อวันที่ 27 ก.พ. 2541 จะมีการจัดลำดับพัดยศไว้ 64 ตำแหน่ง โดยมีสมเด็จพระสังฆราชเจ้า ทรงอยู่ลำดับที่ 1 ลดหลั่นลงมาถึงพระพิธีธรรมที่อยู่ในลำดับที่ 64
แปลว่าหัวแถวคือสมเด็จพระสังฆราชเจ้า ท้ายแถวคือพระพิธีธรรม
สมเด็จพระราชาคณะ มี 8 ตำแหน่ง ถ้านับสมเด็จพระสังฆราช จะมี 9 ตำแหน่ง ปัจจุบันหายไป 1 เพราะสมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม มรณภาพ ที่เหลือมีรายพระนาม และชื่อดังนี้
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศ สมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ วัดสัมพันธวงศ์ สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม สมเด็จพระวันรัต วัดบวรนิเวศ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสุทัศนเทพวราราม และสมเด็จพระธีรญาณมุนี วัดเทพศิรินทราวาส
สมณศักดิ์นอกจากที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แล้ว ยังมีสมณศักดิ์ที่สมเด็จพระสังฆราชทรงแต่งตั้ง ได้แก่ พระครูชั้นประทวน ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งตำแหน่งนี้มักมีผลงานด้านการศึกษาทั้งการเป็นกรรมการ และอุปการะโรงเรียนทั้งฝ่ายโลกและฝ่ายธรรม แต่ไม่มีราชทินนาม ให้ใช้พระครูนำหน้าชื่อเดิมเช่นเดิมชื่อพระส้ม ก็ให้ใช้ว่าพระครูส้ม เป็นต้น
ปัจจุบันผู้ที่เป็นพระครูประทวนมีอยู่ทางภาคเหนือเป็นส่วนมาก ภาคอื่นๆ ไม่ค่อยนิยม
สมณศักดิ์อีกตำแหน่งหนึ่งที่ผู้คนได้ยินและรู้จักมักคุ้นคือฐานานุกรม ตำแหน่งนี้ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้พระสังฆาธิการที่เป็นพระราชาคณะตั้งแต่ชั้นสามัญขึ้นไปให้มีสิทธิตั้งพระภิกษุที่มีอายุพรรษา มีศีลาจารวัตรงดงามให้ดำรงตำแหน่งฐานานุกรมได้
ชื่อและจำนวนฐานานุกรม เปลี่ยนแปลงและเพิ่มขึ้น เมื่อพระราชาคณะนั้นมีบรรดาศักดิ์ หรืออิสริยยศสูงขึ้น เช่นเป็นพระราชาคณะชั้นสามัญตั้งฐานานุกรมได้ 3 ตำแหน่ง คือพระปลัด พระสมุห์ พระใบฎีกา เมื่อเลื่อนขึ้นเป็นชั้นราช พระที่ตั้งเป็นฐานานุกรมจะมีสร้อยพระครูนำหน้าเป็นพระครูปลัด พระครูสมุห์ พระครูใบฎีกา และจำนวนเพิ่มขึ้น ตามสมณศักดิ์ที่สูงขึ้น เช่นเป็นชั้นราชตั้งฐานานุกรมได้ 4 รูป ชั้นเทพตั้งได้ 5 รูป ชั้นธรรมตั้งได้ 6 รูป ชั้นรองสมเด็จตั้งได้ 8 รูป ชั้นสมเด็จตั้งได้ 10 รูป สมเด็จพระสังฆราช ทรงตั้งฐานานุกรมได้ 15 รูป
ถามว่าใครใหญ่กว่ากัน ตามวินัยสงฆ์พระที่ใหญ่กว่าคือผู้ที่บวชก่อน เพราะเคารพระบบอาวุโส แต่เมื่อมีตำแหน่งฐานานุกรมเข้ามาเพิ่มฐานะ เช่นพระที่บวชทีหลังได้รับแต่งตั้งเป็นปลัด หรือพระครูปลัด ถือว่ามีสมณศักดิ์ ถ้านั่งในงานพระราชพิธีต้องนั่งหน้าผู้ที่บวชก่อนมีพรรษามากกว่า แต่ไม่มีสมณศักดิ์
ประวัติสมณศักดิ์
พระธรรมคุณาภรณ์ (พิมพ์ ญาณวีโร ป.ธ. 7 M.A.) ซึ่งมีผลงานในการสร้างโปรแกรมคอมพิวเตอร์บรรจุข้อมูลสมณศักดิ์ของพระสงฆ์ไทยไว้ทั้งหมด เจ้าอาวาสวัดปทุมคงคา และรองเจ้าคณะภาค 7
ได้เมตตาเล่าความเป็นมาสมณศักดิ์ให้ฟังว่า สมณศักดิ์นั้นมีคู่มากับพระพุทธศาสนาตั้งแต่ครั้งพุทธกาล จะเห็นว่าสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตั้งพระสารีบุตร และพระโมคัลลานะให้ดำรงตำแหน่งอัครสาวกขวาและซ้าย และทรงตั้งอรหันต์หลายรูปให้ดำรงตำแหน่งเอตทัคคะ หรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะเรื่องเป็นต้น พุทธประเพณีนี้สืบต่อกันมาถึงเมืองไทย เมื่อพระพุทธศาสนาได้รับการยอมรับนับถือตั้งแต่ยุคสุโขทัย กรุงศรีอยุธยา และถึงยุครัตนโกสินทร์ในปัจจุบัน เพียงแต่วิธีการ ชื่อและชั้นแห่งสมณศักดิ์มีวิวัฒนาการต่างกันไปในแต่ละยุคแต่ละสมัยเท่านั้น
ยุคแรกๆ นั้นพระเจ้าแผ่นดินทรงมีพระราชวินิจฉัยว่าจะทรงยกย่อง หรือสถาปนาพระภิกษุสงฆ์รูปใด ก็จะทรงตั้งหรือสถาปนา พระราชทานสมณศักดิ์ให้รูปนั้น อันเป็นพระราชประเพณีที่พระมหากษัตริย์ที่ทรงเป็นเอกอัครศาสนูปถัมภก ทรงถือเป็นพระราชประเพณี จนถึงสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อจะพระราชทานสมณศักดิ์แก่พระรูปใด ทรงปรึกษากับสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรสก่อน ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ให้พระสงฆ์มีส่วนร่วมในการพิจารณาแต่งตั้งสมณศักดิ์จนถึงปัจจุบัน
ปัจจุบันการปกครองเป็นรูปแบบกระจายอำนาจ คณะสงฆ์ชั้นปกครองตามลำดับตั้งแต่เจ้าอาวาสถึงกรรมการมหาเถรสมาคมมีอำนาจพิจารณาของผู้ที่รับการแต่งตั้งและเลื่อนสมณศักดิ์ตามระเบียบปฏิบัติที่เสนอและเห็นชอบตามลำดับแล้วเสนอเพื่อกราบบังคมทูลขอพระราชทานต่อไป
แต่ละปีมีผู้ขอรับการแต่งตั้งกันมาก คณะทำงานส่วนมากเป็นพระสงฆ์ ต้องทุ่มเททั้งกลางวันกลางคืนพิจารณาให้ทันเวลา ซึ่งใช้เวลาเป็นเดือนกว่าจะทำสำเร็จ
พระธรรมคุณาภรณ์ (พิมพ์) เล่าว่า ก่อนปี 2532 ใช้เพียงพิมพ์ดีดพิมพ์ชื่อผู้ที่เสนอและขอสมณศักดิ์ใหม่ โดยจัดเป็นหมวด ก. ข. ค. มีทีมเลขานั่งเรียงกันไปช่วยพิมพ์ ตกดึกก็เริ่มงง เพราะง่วงกันแล้ว ใช้เวลามากเป็นเดือน เพราะต้องใช้พิมพ์ดีด ก๊อบปี้ผิดบ้างถูกบ้างแก้กันบ่อยมีปัญหาไม่หยุดหย่อนกว่าจะแล้วเสร็จ
ต่อมาอาจารย์ตรีธา เนียมขำ วัดปากน้ำ ถวายคอมพิวเตอร์ให้พระธรรมวโรดม (บุญมา) วัดเบญจมบพิตร ตนเห็นก็เสนอว่าน่าจะทำให้เกิดประโยชน์ ท่านเจ้าธรรมวโรดมให้ทำมาให้ดู ท่านก็ใช้ให้ศิษย์ทำโปรแกรมโดยท่านออกแบบเสร็จแล้วเอามาเสนอ แต่ก็วิตกว่าสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสามพระยาจะไม่เอาด้วยเพราะเป็นของใหม่ แต่เมื่อเอาไปเสนอท่านเห็นชอบ เป็นเรื่องที่ผิดคาดอย่างมาก จากนั้นได้ใช้คอมพิวเตอร์แก้ปัญหาล่าช้าและซ้ำซ้อนได้หมดจากที่เคยใช้เวลาเป็นเดือนๆ นั้นก็ใช้เวลา 4 วันเรียบร้อย โดยไม่ผิดพลาด และได้ปรับปรุงเรื่อยมา ต้นแบบและเมนใหญ่อยู่ที่นี่ (วัดปทุมคงคา) เริ่มใช้มาตั้งแต่ปี 2532 ตอนนี้นำไปลงให้เจ้าคณะใหญ่หนต่างๆ ทั้งหมด เช่นที่วัดสระเกศ วัดพิชยญาติการาม และวัดปากน้ำ เป็นต้น
เรื่องสมณศักดิ์นี้แต่ละปีต้องตั้งและเปลี่ยนชื่อกันเสมอ ที่เป็นเช่นนี้เพราะพระมรณภาพก็มี และตั้งขึ้นใหม่ก็มาก เช่นปีนี้พระครูสัญญาบัตรมรณภาพกว่า 300 รูป พระราชาคณะมรณภาพ 30 รูป รวมทั้งสมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงครามด้วย เป็นปีที่มีพระมรณภาพมากเป็นประวัติการณ์
อย่างไรก็ตาม การพิจารณาตำแหน่งพระครูสัญญาบัตรทางหนเหนือเรียบร้อยเมื่อวันที่ 6 ส.ค. 2554 จากนั้นเอาไปรวมเข้าอนุกรรมการที่วัดสระเกศให้เห็นชอบ
ส่วนพระราชาคณะจะพิจารณาในเดือน ก.ย. แต่ไม่เกิน 10 ต.ค. เมื่ออนุกรรมการแต่ละคณะ (มหานิกายและธรรมยุต) ทำเรียบร้อย ที่ประชุมใหญ่เห็นชอบ เอาเข้าคอมพิวเตอร์วันเดียวจบเช่นกัน แม้ว่าปีนี้จะเป็นปีพิเศษ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธ.ค. 2554 ซึ่งทราบมาว่าจะมีการโปรดเกล้าฯ ให้แต่งตั้ง เลื่อน และสถาปนาสมณศักดิ์เป็นกรณีพิเศษอีก 85 รูปก็ตาม
เมื่อได้ชื่อและตำแหน่งสมณศักดิ์ที่ผ่าน มส.และโปรดเกล้าฯ ลงมาแล้ว ท่านในฐานะที่จัดทำทำเนียบสมณศักดิ์ก็จะเอามาพิมพ์เพื่อเผยแพร่ต่อไป
ทำเนียบสมณศักดิ์ฉบับสมบูรณ์ที่ท่านจัดทำ ท่านผู้ใดต้องการนำไปพิมพ์แจกจ่ายเป็นบรรณาการก็นำไปได้ หรือจะให้ท่านพิมพ์ให้ก็ไม่ขัดข้อง คิดแค่ต้นทุน เล่มหนึ่งไม่ถึง 100 บาท
ทำเนียบสมณศักดิ์ฉบับสมบูรณ์ เมื่อปีที่แล้ว (2553) มีผู้ขอนำไปพิมพ์แจกจ่ายถึง 1 หมื่นกว่าฉบับ มากเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับปีก่อนๆ ที่พิมพ์เพียง 7,000-8,000 ฉบับเท่านั้น


