posttoday

How to เนรมิตชีวิตการทำงานของเด็กใหม่ให้แฮปปี้ตั้งแต่วินาทีแรก

26 สิงหาคม 2562

จงคิดว่า "เราคือคนโชคดี" ในยุคที่การงานหายากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร และทันทีที่ชีวิตคนทำงานหน้าใหม่เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง จงสร้างสรรค์ชีวิตการงานที่มีความสุขตั้งแต่เริ่มงานวันแรก

จงคิดว่า "เราคือคนโชคดี" ในยุคที่การงานหายากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร และทันทีที่ชีวิตคนทำงานหน้าใหม่เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งในออฟฟิศใหม่ เจ้านายใหม่ เพื่อนร่วมงานก็หน้าตาใหม่ๆ อยู่รายรอบตัวเรา ที่ไม่รู้ว่าพวกเขาจะดีหรือจะคุยกับเราหรือเปล่า? แล้วจะสามารถทำงานร่วมกันราบรื่นหรือไม่ จะมีใครสอนงานให้หรือไม่?!!

ไม่รวมไปถึงเรื่องหยุมหยิม ชวนกังวล ช่วงพักกลางวันจะนั่งกินข้าวกับใคร รายละเอียดวัฒนธรรมในองค์กรเป็นอย่างไรบ้าง? กลายเป็นความเครียด จนอาจจะส่งผลกระทบกับงานไปเลยก็เป็นไปได้ อย่าคิดลบ มีวิธีไม่ยากเลย กับการสร้างสรรค์ชีวิตการงานที่มีความสุขตั้งแต่เริ่มงานวันแรก

How to เนรมิตชีวิตการทำงานของเด็กใหม่ให้แฮปปี้ตั้งแต่วินาทีแรก

เริ่มต้นสร้างมิตรภาพที่ดี

ในช่วงที่เริ่มทำงานออฟฟิศใหม่ สิ่งแรกที่คุณจะต้องตระหนักไว้เสมอก็คือการยื่นมิตรภาพที่ดีต่อเพื่อนร่วมงาน อย่ามัวแต่ตกอกตกใจไป ถ้ามีคนบางคนหน้าตาบอกบุญไม่รับจะเป็นมิตรหรือไม่ก็ตาม แต่การที่เริ่มต้นผูกมิตรกับเขาไว้ตั้งแต่วันแรก คือเคล็ดลับการเริ่มต้นสร้างมิตรภาพในที่ทำงานได้ดีเลิศ ใครทำแบบนั้นได้มีแต่ผลดีไม่มีคำว่าเสีย เพราะฉะนั้นวันแรกที่เข้าไปยกมือไหว้พี่ (ขา) ใหญ่ไว้ก่อน แล้วอย่าลืมรอยยิ้ม ยิ้มทักทายทุกคนด้วยความสดใส รอยยิ้มคือสิ่งที่เหนือความคาดหมาย ทำให้คนหน้าใหม่ดูเฉิดฉาย ดูน่าสนใจอย่างยิ่ง และรอยยิ้มคือสัญลักษณ์ของความมั่นใจในตัวเอง

เมื่อได้พบเพื่อนร่วมทีม ยิ้มแย้มแจ่มใส และกล่าวฝากเนื้อฝากตัวกับเพื่อนร่วมงานใหม่ นี่คือภาพความประทับใจแรก คือสิ่งที่สำคัญของการปลูกมิตรภาพนี้ให้คงอยู่ตลอดการทำงาน จำไว้ยิ้มให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ รอยยิ้มคือสิ่งที่ช่วยยืนยันให้คู่สนทนา เพื่อนใหม่ รู้ว่าเรากำลังสนใจสิ่งที่อีกฝ่ายพูด รอยยิ้มยังเป็นสิ่งที่บอกให้คนรอบตัวรู้ได้ทันทีด้วยว่าเราทำงานด้วยความมั่นใจมีความสุข และคนเราก็อยากอยู่ใกล้คนที่มีความสุขกันทั้งนั้น

How to เนรมิตชีวิตการทำงานของเด็กใหม่ให้แฮปปี้ตั้งแต่วินาทีแรก

ฝึกเป็นนักสนทนาที่ดี

“สวัสดีค่ะ ดิฉัน/ผม ชื่อ...ค่ะ/ครับ” ถ้าเริ่มต้นด้วยประโยคแบบนี้ จะดูทางการมากไปหรือเปล่า (นะ)?!! ซึ่งนี่ก็คือเหตุผลที่ผู้คนส่วนใหญ่พบว่าเป็นการยาก ในการเป็นนักสนทนาที่ดี ก็เพราะว่าพวกเขา “กลัวว่าจะพูดบางสิ่งบางอย่างที่ธรรมดาเกินไป” แลดูโจ่งแจ้งเกินไป หรือพูดบางสิ่งที่ (ฟังดูแล้ว) ไม่มีความจริงใจ หรือบางสิ่งที่ไร้คุณค่าสำหรับคู่สนทนาหรือบางสิ่งที่ไม่สอดคล้องกับกาลเทศะไปเลย

การแก้ไขในเรื่องนี้ก็คือ วิธีสร้างการสนทนาเป็นไปอย่างรื่นเริง ลองกระตุ้นจิตใจให้กระปรี้กระเปร่า แต่ไม่ใช่สะกดจิตให้ดูรื่นเริงเกินไป จงหยุดความพยายามเป็นบุคคลสมบูรณ์แบบ ไม่มีใครสามารถแสดงความหลักแหลมได้ทุกนาทีหรอกนะ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องบีบคั้นคำพูดหลักแหลมคมคายออกมา เพียงแค่ปล่อยให้ลิ้นทำงานไปเองโดยอัตโนมัติ ทำตัวให้เป็นธรรมชาติ

How to เนรมิตชีวิตการทำงานของเด็กใหม่ให้แฮปปี้ตั้งแต่วินาทีแรก

เปิดใจให้กว้าง

คนเราทั่วๆ ไป ก็มักจะประเมินคนที่เราพบโดยใช้เวลาเพียง 10 วินาทีเท่านั้น ดังนั้นอย่ากลายเป็นคนทั่วไปเสียล่ะ อย่าเพิ่งมีอคติกับใครที่เพิ่งพบกันเป็นครั้งแรก เพราะความคิดของคนเราเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

อย่าลืมว่าการสร้างสรรค์และรักษามิตรภาพในที่ทำงานจะแตกต่างจากมิตรภาพนอกที่ทำงานอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากมีข้อจำกัดมากมาย มีความคาดหวัง สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำ ขอบอกเลยว่าเพื่อนในออฟฟิศคนละกลุ่ม คนละเรื่องกับเพื่อนซี้ไปเที่ยว เล่น กิน นอนในวันหยุดสุดสัปดาห์ หรือเพื่อนสนิทสมัยมัธยมหรือมหาวิทยาลัย การเริ่มต้นใหม่โดยเรียนรู้วิธีสร้างมิตรภาพ จะช่วยเพิ่มบรรยากาศแห่งความสุขในที่ทำงาน เสริมสร้างผลงาน มีเพื่อนพ้องใหม่ๆ รวมถึงคุณก็จะกลายเป็นบุคคลที่ใครๆ ในที่ทำงานก็อยากจะมาเป็นเพื่อนด้วย

How to เนรมิตชีวิตการทำงานของเด็กใหม่ให้แฮปปี้ตั้งแต่วินาทีแรก

พูดคุยปรับความเข้าใจ

เริ่มงานใหม่ที่ยังไม่คุ้นเคย ไม่ชำนาญ ย่อมมีปัญหาตามมาไม่ยากอยู่แล้ว เมื่อมีปัญหาควรพูดคุยกันอย่างสุภาพเพื่อปรับความเข้าใจ ผลลัพธ์ที่ได้อย่างน้อยที่สุดการเข้าหาและแสดงความจริงใจ ความอ่อนน้อมอาจจะทำให้เราและเพื่อนร่วมงานเข้าใจกันมากยิ่งขึ้น และต่างปรับตัวเข้าหากันมากยิ่งขึ้น ปรับปรุงตัวในสิ่งที่เราผิดพลาด พร้อมน้อมรับความคิดเห็น เสียงติติงต่างๆ ในสิ่งที่เราทำไม่ถูก รวมไปถึงพัฒนาตนเองและแก้ไขให้ดียิ่งขึ้น เพื่อที่จะทำให้เขาเห็นว่าเราใส่ใจและรับฟังความคิดเห็นของเขาอยู่เสมอ

นอกเหนือจากนี้ อย่าลืมที่จะกล่าวขอบคุณและขอโทษ ซึ่งคือยากระชับมิตรชั้นดี เพราะในโลกของการทำงานที่บางครั้งอาจจะดูดุเดือดไปบ้าง ไม่ว่ามีปัญหาอะไร ถ้าหากเราเป็นคนผิดหรือวัยวุฒิน้อยกว่า การพูดว่าขอโทษจะเป็นการช่วยให้ปัญหาคลายตัวลงบ้าง รวมไปถึงการกล่าวขอบคุณให้ติดปากอยู่เสมอ ทั้งนี้ โปรดจำไว้เสมอว่าปัญหาในที่ทำงานเป็นสิ่งที่ยากจะหลีกเลี่ยง แต่เราก็สามารถหลีกเลี่ยงได้ด้วยการปล่อยวาง มีสติ ตั้งใจทำงานและการพูดคุยที่สุภาพและจริงใจ

How to เนรมิตชีวิตการทำงานของเด็กใหม่ให้แฮปปี้ตั้งแต่วินาทีแรก

อย่าแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน

หนึ่งในอุปสรรคที่ท้าทายที่สุดกับการสร้างมิตรภาพในที่ทำงาน คือการต้องแยกแยะให้ออกระหว่างคนที่คุณพยายามจะผูกมิตรกับคนที่มีตำแหน่งในบริษัท และจงระวังความรู้สึกของการแข่งขัน เนื่องจากมันจะส่งผลในแง่ลบกับมิตรภาพใหม่ๆ ที่ตั้งใจสร้างขึ้น แทนที่จะเป็นประโยชน์ในวันข้างหน้า

อุปนิสัยของคนเราล้วนมีแนวโน้มที่จะเลือกให้ความสนิทสนมกับคนที่มีเป้าหมายเดียวกันในการทำงาน เช่น ก้าวสู่ทีมร่วมโปรเจกต์ใหญ่ด้วยกัน หรือการบรรลุเป้าหมายร่วมกัน ดังนั้นครั้งต่อไปก่อนที่คุณจะเริ่มเปรียบเทียบตัวเองกับเพื่อนร่วมงาน ให้ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง และจำไว้ว่าเราคือทีมเดียวกัน

How to เนรมิตชีวิตการทำงานของเด็กใหม่ให้แฮปปี้ตั้งแต่วินาทีแรก

เป็นผู้สังเกตการณ์ที่ดี

ให้เรียนรู้โดยการมองดูที่พฤติกรรมการแสดงออกของผู้อื่น ควรสังเกตเฝ้าดูคนอื่นที่ “ชอบให้ความช่วยเหลือคนอื่น” “ทำแค่ขอโทษในความผิดพลาดของตัวเอง” และ “เป็นผู้ให้มากกว่าเป็นผู้รับ” เป็นต้น จากนั้นให้คุณหันกลับมามองดูตัวเอง แล้วลองพิจารณาดูว่าตัวคุณเองนั้นมีพฤติกรรมแสดงออกเช่นนั้นบ้างหรือไม่

How to เนรมิตชีวิตการทำงานของเด็กใหม่ให้แฮปปี้ตั้งแต่วินาทีแรก

หลีกเลี่ยงเผชิญหน้ากับคนแปลกๆ

ในที่ทำงานส่วนใหญ่นั้นก็มักจะมีเพื่อนร่วมงานที่มีบุคลิกภาพแปลกๆ ติดออฟฟิศอยู่เสมอ แต่ถ้าคุณไม่อยากปวดหัวกับคนแบบนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องไปยุ่งเกี่ยวข้องแวะอะไรมากมาย ควรอยู่ห่างๆ พวกเขาไว้ แต่ก็สามารถนำพฤติกรรมของคนเหล่านี้มาใช้ในการเรียนรู้เกี่ยวกับพัฒนาตัวเองได้เช่นกัน ควรคิดเสมอว่าพฤติกรรม “ดูแปลกๆ” นั้นอาจไม่ใช่พฤติกรรมที่ “ไม่ดี” เสมอไป

 

 

ภาพ freepik