ทรัมป์ขู่ยกเลิกข้อตกลงการค้า หากแพ้คดีภาษีศุลกากรในศาลสูงสุด
ทรัมป์ ขู่อาจต้องยกเลิกข้อตกลงการค้ากับอียู ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ หากไม่สามารถพลิกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่วินิจฉัยว่ามาตรการภาษีเป็นโมฆะ ชี้จะทำให้สหรัฐเสียหายหนัก
KEY
POINTS
- โดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ว่าจะยกเลิกข้อตกลงทางการค้า หากรัฐบาลของเขาแพ้คดีเกี่ยวกับภาษีศุลกากรในศาลสูงสุด
- ข้อตกลงที่อาจถูกยกเลิกครอบคลุมคู่ค้ารายใหญ่อย่างสหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้
- คำขู่ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่ามาตรการภาษีของทรัมป์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งรัฐบาลจะยื่นอุทธรณ์ต่อศาลสูงสุด
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า สหรัฐอเมริกาอาจจำเป็นต้อง “ยกเลิก” ข้อตกลงทางการค้าที่ได้ทำไว้กับสหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ รวมถึงประเทศอื่น ๆ หากสหรัฐฯ แพ้คดีเกี่ยวกับภาษีศุลกากรต่อศาลสูงสุด พร้อมเตือนว่าความพ่ายแพ้ในคดีดังกล่าวจะส่งผลให้สหรัฐฯ “ได้รับความเสียหายอย่างใหญ่หลวง”
ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวว่า รัฐบาลของตนจะยื่นคำร้องต่อศาลสูงสุดเพื่อขอให้กลับคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งได้วินิจฉัยว่ามาตรการเก็บภาษีศุลกากรจำนวนมากของรัฐบาลเป็นการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ทรัมป์กล่าวว่าเขามั่นใจว่ารัฐบาลของตนจะชนะคดีนี้
“เราได้ทำข้อตกลงกับสหภาพยุโรป ซึ่งพวกเขาจ่ายเงินให้เรามูลค่าเกือบหนึ่งล้านล้านดอลลาร์ และคุณรู้หรือไม่? พวกเขามีความพอใจ ข้อตกลงเหล่านี้ได้ข้อยุติแล้ว” เขากล่าว “ผมคิดว่าเราคงต้องยกเลิกข้อตกลงเหล่านั้น”
คำกล่าวนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ทรัมป์กล่าวโดยเฉพาะว่า ข้อตกลงทางการค้าที่ได้บรรลุร่วมกับคู่ค้ารายใหญ่ ซึ่งมีการเจรจาแยกต่างหากนอกเหนือจากมาตรการภาษี อาจถูกเพิกถอนหากศาลสูงสุดคงไว้ซึ่งคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์เมื่อวันศุกร์
ทรัมป์กล่าวเพิ่มเติมว่าการยกเลิกมาตรการภาษีจะมีต้นทุนสูง แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าจะชี้ว่าภาษีนั้นถูกชำระโดยผู้นำเข้าในสหรัฐฯ ไม่ใช่บริษัทในประเทศผู้ส่งออก ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่าการเก็บภาษีศุลกากรมีแนวโน้มที่จะกระตุ้นให้เกิดเงินเฟ้อในสหรัฐฯ
“ประเทศของเรามีโอกาสที่จะกลับมาเป็นประเทศที่มั่งคั่งอย่างเหลือเชื่ออีกครั้ง แต่ก็อาจกลายเป็นประเทศที่ยากจนอย่างเหลือเชื่อเช่นกัน หากเราไม่ชนะคดีนั้น ประเทศของเราจะได้รับความเสียหายอย่างใหญ่หลวง อย่างใหญ่หลวง” ทรัมป์กล่าว
คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ดังกล่าวเกี่ยวข้องกับความชอบด้วยกฎหมายของมาตรการเก็บภาษีที่ทรัมป์เรียกว่า “ภาษีแบบตอบโต้” ซึ่งเริ่มใช้ครั้งแรกเมื่อเดือนเมษายนในช่วงสงครามการค้า รวมถึงมาตรการเก็บภาษีอีกชุดที่บังคับใช้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ต่อจีน แคนาดา และเม็กซิโก อย่างไรก็ตาม คำตัดสินนี้ไม่ครอบคลุมมาตรการภาษีที่ออกโดยอาศัยอำนาจทางกฎหมายอื่น เช่น ภาษีศุลกากรสำหรับการนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียม


