


13+














อิหร่านปฏิเสธการเจรจานิวเคลียร์ ขณะยังถูกโจมตีโดยอิสราเอล
อิหร่านประกาศจะไม่หารือเกี่ยวกับอนาคตของโครงการนิวเคลียร์ในขณะที่ยังคงถูกโจมตีโดยอิสราเอล แม้ชาติยุโรปจะพยายามนำเตหะรานกลับสู่โต๊ะเจรจา
การปะทะได้ยืดเยื้อมาครบหนึ่งสัปดาห์ โดยกองทัพอิสราเอลอ้างว่าสามารถโจมตีเป้าหมายทางทหารจำนวนมากในอิหร่าน รวมถึงโรงงานผลิตขีปนาวุธ หน่วยวิจัยในกรุงเตหะรานที่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ และฐานทัพในภูมิภาคตะวันตกและตอนกลางของประเทศ
อิหร่านย้ำไม่มีพื้นที่สำหรับการเจรจา
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอิหร่าน นายอับบาส อารักชี กล่าวว่าการเจรจากับสหรัฐฯ จะไม่เกิดขึ้น “จนกว่าการรุกรานโดยอิสราเอลจะยุติลง” อย่างไรก็ตาม ภายหลังเขาได้เดินทางถึงนครเจนีวาเพื่อหารือกับรัฐมนตรีต่างประเทศของยุโรป ซึ่งมีความหวังในการเปิดหนทางกลับสู่กระบวนการทางการทูต
สหรัฐฯยันจะไม่กดดันอิสราเอลให้หยุดยิง
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ตนจะไม่กดดันให้อิสราเอลชะลอปฏิบัติการโจมตีเพื่อเปิดทางให้มีการเจรจา โดยระบุว่า “เมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งกำลังได้เปรียบ ย่อมเป็นเรื่องยากที่จะขอให้หยุด” ทั้งยังแสดงความไม่เชื่อมั่นต่อบทบาทของยุโรป โดยกล่าวว่า “อิหร่านต้องการพูดกับสหรัฐฯ ไม่ใช่ยุโรป”
ทรัมป์ยังย้ำว่าเขาจะไม่หารือถึงการใช้กำลังทหารภาคพื้นดินในอิหร่าน และได้ปฏิเสธความเห็นของผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติ น.ส.ทัลซี แก็บบาร์ด ที่ให้การต่อสภาคองเกรสว่าทางการข่าวกรองยังไม่พบหลักฐานว่าอิหร่านกำลังพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์
หลายฝ่ายเตือนความเสี่ยงนิวเคลียร์
นายราฟาเอล กรอสซี ผู้อำนวยการใหญ่ของสำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) กล่าวต่อที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติว่า การโจมตีสถานพลังงานนิวเคลียร์อาจนำไปสู่การรั่วไหลของสารกัมมันตรังสีและก่อให้เกิดหายนะเกินควบคุม
แม้จะมีรายงานก่อนหน้าจากกองทัพอิสราเอลว่าได้โจมตีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์บุเชห์ แต่ภายหลังเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอิสราเอลกล่าวว่าเป็น “ความผิดพลาด” ที่โฆษกทหารระบุเรื่องดังกล่าวโดยไม่สามารถยืนยันได้
ในเวทีเดียวกัน เลขาธิการสหประชาชาติ นายอันโตนิโอ กูแตร์เรส เตือนว่าความขัดแย้งอาจ “จุดไฟที่ไม่มีใครควบคุมได้” พร้อมเรียกร้องให้ทุกฝ่าย “ให้โอกาสสันติภาพ” ขณะที่รัสเซียและจีนต่างเรียกร้องให้มีการลดระดับความรุนแรงโดยทันที
ทั้งสองฝ่ายยังโจมตีโต้ตอบกันต่อเนื่อง
กองทัพอิสราเอลประกาศว่ามีการโจมตีระลอกใหม่ในพื้นที่ทางตะวันตกของอิหร่าน รวมถึงหน่วยยิงขีปนาวุธในเขตคูเซสถาน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 ราย และบาดเจ็บอีกหลายคนตามรายงานของสำนักข่าว IRNA
ในกรุงเตหะราน ขีปนาวุธของอิสราเอลได้พุ่งเข้าใส่อาคารสูง 5 ชั้นซึ่งมีร้านเบเกอรี่และร้านเสริมสวย ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 5 คน อิหร่านตอบโต้ด้วยการยิงขีปนาวุธใส่เมืองเบียร์เชวาทางใต้ของอิสราเอล และไฮฟาทางเหนือ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อมัสยิดยุคออตโตมันและอาคารของกระทรวงมหาดไทยอิสราเอล
ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
รายงานจาก Human Rights Activists News Agency ซึ่งเป็นองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนในสหรัฐฯ ระบุว่าการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลได้คร่าชีวิตผู้คนในอิหร่านไปแล้ว 639 ราย รวมถึงบุคลากรระดับสูงของกองทัพและนักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ ขณะเดียวกัน ทางการอิสราเอลเปิดเผยว่ามีพลเรือนเสียชีวิต 24 รายจากการโจมตีของอิหร่าน



13+
















