อดีตสนมแฉ! กษัตริย์สเปนองค์ก่อนแอบฟอกเงิน
พระสหายหญิงคนสนิทของกษัตริย์ฆวนคาร์โลสที่ 1 แห่งสเปน ออกมาเผยว่าทรงเคยมีส่วนร่วมในการฟอกเงิน
พระสหายหญิงคนสนิทของกษัตริย์ฆวนคาร์โลสที่ 1 แห่งสเปน ออกมาเผยว่าทรงเคยมีส่วนร่วมในการฟอกเงิน
เอเอฟพีรายงานว่า สมเด็จพระราชาธิบดีฆวนคาร์โลสที่ 1 อดีตกษัตริย์แห่งสเปน อายุ 80 พรรษา ทรงตกเป็นประเด็นอีกครั้ง หลังจากนางคอรินน่า ซู ไซน์-วิททเจนสไตน์ (Corinna zu Sayn-Wittgenstein) สาวชนชั้นสูงเชื้อสายเยอรมัน วัย 53 ปี และพระสหายหญิงคนสนิท ได้เผยผ่านสื่อของสเปนว่า อดีตกษัตริย์ฆวนคาร์โลส แห่งสเปน ทรงมีส่วนร่วมกับการฟอกเงิน และพยายามซุกซ่อนเงินโดยใช้ชื่อของเธอในการซื้ออสังหาริมทรัยพ์ในประเทศโมร็อกโก และโมนาโก
นางคอรินน่า ซู ไซน์-วิททเจนสไตน์ (Corinna zu Sayn-Wittgenstein)
เรื่องดังกล่าวได้กลายมาเป็นประเด็นเมื่อสื่อ 2 แห่งของสเปนคือเว็ปไซต์ OKDiario และ El Español ได้ออกมาเปิดเผยบันทึกเสียงของนางคอรินน่า ซึ่งเผยว่า อดีตกษัตริย์ฆวนคาร์โลสทรงได้ฝากเงินผ่านบัญชีธนาคารสวิสหลายแห่งโดยใช้ชื่อของนาย Alvaro d'Orleans Bourbon ลูกพี่ลูกน้องของเธอแทน
ในบันทึกเสียงดังกล่าวเธอยังระบุอีกว่า พระองค์ทรงได้รับเงินจากการทำสัญญารถไฟความเร็วสูงจากรัฐบาลซาอุดิอาระเบียเข้าบัญชีส่วนพระองค์ โดยพระองค์ต้องการนำเงินดังกล่าวไปใช้หย่ากับสมเด็จพระราชินีโซเฟีย
อดีตกษัตริย์ฆวนคาร์โลส และสมเด็จพระราชินีโซเฟีย
ด้านผู้เชี่ยวชาญราชวงศ์หลายรายได้ยื่นยันกับทางเอเอฟพีว่า บันทึกเสียงดังกล่าวเป็นเสียงของนางคอรินน่าจริง ขณะที่นาย Pilar Urbano ผู้เชี่ยวชาญด้านราชวงศ์อีกรายซึ่งเคยเขียนหนังสือเกี่ยวกับราชวงศ์ยุโรปเผยว่า กรณีนี้เป็นประเด็นคลุมเคลืออีกเรื่องหนึ่งของราชวงศ์สเปน ซึ่งรอการเปิดเผย
สมเด็จพระราชาธิบดีเฟลิเปที่ 6 และอดีตกษัตริย์ฆวนคาร์โลส
ด้านพรรค Podemos ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายซ้ายของสเปนได้เตรียมยืนญัตติต่อรัฐสภาเพื่อเปิดการอภิปรายในประเด็นนี้แล้ว ขณะที่หัวหน้าสำนักข่าวกรองแห่งชาติของสเปน ได้เตรียมขึ้นให้การลับต่อรัฐสภาในกรณีดังกล่าวด้วย
อย่างไรก็ดี กรณีดังกล่าวได้จุดประกายกรณีอื้อฉาวของราชวงศ์สเปนอีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้มีกรณีนาย อิญากี อูร์ดังการิน พระสวามีในเจ้าหญิงกริสตินา พระเชษฐภคินี หรือพี่สาว ในกษัตริย์เฟลิเปที่ 6 กษัตริย์แห่งสเปนพระองค์ปัจจุบัน ถูกตัดสินจำคุกเนื่องจากถูกพิพากษาว่ามีความผิดฐานยักยอกทรัพย์เป็นเงินหลายล้านยูโรในช่วงระหว่างปี 2004-2006 จากองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่เป็นมูลนิธิที่เขาเป็นผู้บริหารเอง ซึ่งคดีดังกล่าวมีเจ้าหญิงกริสตินา พระเชษฐภคินีของกษัตริย์เฟลิเปที่ 6 พัวพันด้วย