10ข่าวเด่นทั่วโลกเขย่าปี2013
ปี 2013 นับเป็นปีที่เต็มไปด้วยเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ในต่างประเทศมากมาย ทั้งโศกนาฏกรรม ก่อการร้าย ภัยพิบัติ และความสูญเสียบุคคลสำคัญ
โดย...ทีมข่าวต่างประเทศ
ปี 2013 นับเป็นปีที่เต็มไปด้วยเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ในต่างประเทศมากมาย ทั้งโศกนาฏกรรมสะเทือนขวัญ ก่อการร้าย ภัยพิบัติ และความสูญเสียบุคคลสำคัญ จึงได้มีการประมวลออกมาเป็น 10 เหตุการณ์เด่นซึ่งเป็นที่จดจำที่สุดแห่งปีออกมา ดังนี้
1.ปีแห่งการประท้วง
เหตุการณ์สำคัญที่สุดประจำปี 2013 ต้องยกให้กับ เหตุประท้วงที่เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วโลกจนนิตยสารไทม์ ยกให้ปี 2013 เป็น “ปีแห่งการประท้วง” ที่ต่อเนื่องมาจากอาหรับสปริงในปีที่แล้ว โดยเกิดการประท้วงขึ้นหลายประเทศตลอดทั้งปี
ทว่า เหตุประท้วงที่ทั่วโลกจับตาอย่างใกล้ชิดในช่วงส่งท้ายปี คงต้องยกให้กับการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ของมวลมหาประชาชนในประเทศไทย ซึ่งปะทุขึ้นมาตั้งแต่เมื่อปลายเดือน พ.ย. โดยสำนักข่าวต่างประเทศต่างอ้างผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์สถานการณ์ขัดแย้งทางการเมืองไทยกันอย่างเข้มข้น
สื่อต่างประเทศส่วนใหญ่แสดงความเห็นไปใน|ทิศทางเดียวกันว่า ปัญหาทางการเมืองไทยเหมือนจะตกอยู่ในเขาวงกตวนเวียนอยู่กับ “ประท้วง-ยุบสภา เลือกตั้งใหม่” เพราะแม้รัฐบาลประกาศยุบสภาและจัดการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 2 ก.พ. ผู้ชนะการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองที่มีอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตรให้การสนับสนุน หรือพรรคฝ่ายค้านอย่างประชาธิปัตย์ ก็จะเกิดการลุกฮือประท้วงของฝ่ายผู้แพ้การเลือกตั้งอยู่ดี
2.มือแฉบันลือโลก
หากพูดถึงบุคคลบันลือโลกแห่งปี คงเป็นใครไม่ได้นอกจาก เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน อดีตพนักงานสัญญาจ้างหน่วยงานความมั่นคงสหรัฐ (เอ็นเอสเอ) วัย 29 ปี |ผู้เปิดโปงข้อมูลการลอบดักฟังข้อมูลทางโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตของชาวอเมริกัน และคนทั่วโลก รวมทั้งผู้นำหลายชาติจำนวนมหาศาลภายใต้โครงการ “ปริซึม” เมื่อเดือน มิ.ย. จนทำให้สโนว์เดน ต้องลี้ภัยในรัสเซีย และกระทบความสัมพันธ์ของสหรัฐและชาติพันธมิตรทั่วโลก
3.โศกนาฏกรรมซีเรีย
แม้การสู้รบระหว่างรัฐบาลซีเรียและกลุ่มกบฏกินเวลานานกว่า 2 ปี แต่ปี 2013 ถือเป็นไฮไลต์สำคัญ หลังมีการใช้อาวุธเคมีใจกลางกรุงดามัสกัส เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1,000 คน ทำให้ประธานาธิบดีบารัก โอบามา ของสหรัฐ เดินหน้าหาเสียงสนับสนุนจากชาติพันธมิตรผ่านเวทีสหประชาชาติ หวังใช้กำลังทางทหารตอบโต้รัฐบาลซีเรีย ทว่าในที่สุดประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูติน ของรัสเซีย เสนอทางออกให้ซีเรียเข้าเป็นสมาชิกองค์การต่อต้านการใช้อาวุธเคมี (โอพีซีดับเบิลยู) เพื่อเปิดทางให้เจ้าหน้าที่ของยูเอ็นเข้าไปตรวจสอบและดำเนินการทำลายอาวุธเคมีต่อไป
4.กราดยิง-บึ้มสะเทือนขวัญ
หลายประเทศทั่วโลกยังตกเป็นเป้าเหตุก่อการร้าย โดยเมื่อเดือน เม.ย. เกิดเหตุระเบิด 2 ครั้งซ้อนถล่มการแข่งขันบอสตันมาราธอนครั้งที่ 117 ในรัฐแมสซาชูเซตส์ ดับ 3 คน บาดเจ็บอีก 180 คน โดยหลังตำรวจเปิดฉากปิดล้อมเมืองไล่ล่าผู้ต้องสงสัยดุเดือด ส่งผลให้ทาเมอร์แลน ซาร์เนฟ วัย 26 ปี เสียชีวิตระหว่างการต่อสู้ และจับกุมโซการ์ ซาร์เนฟ วัย 19 ปี สองพี่น้องเชื้อสายเชเชนจากแถบเชชเนียได้สำเร็จ
ขณะที่เมื่อเดือน ก.ย. เกิดเหตุกราดยิงกลางห้างสรรพสินค้าเวสเกตช็อปปิ้งมอลล์ ในกรุงไนโรบีของเคนยา คร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ 70 คน บาดเจ็บ 200 คน โดยเป็นฝีมือของกองกำลังชาบับ กลุ่มติดอาวุธที่เกี่ยวโยงกับขบวนการอัลกออิดะห์ ซึ่งจุดกระแสให้ศูนย์การค้าทั่วโลกยกระดับการรักษาความปลอดภัยมากขึ้น
5.ระทึกเอเชียนา
โลกต้องตกอยู่ในอาการหวาดผวาทันทีที่เครื่องบินโบอิ้ง 777 ของสายการบินเอเชียนา แอร์ไลน์ส ของเกาหลีใต้ ซึ่งบรรทุกผู้โดยสารทั้งหมด 307 คน ประสบอุบัติเหตุตกกลางรันเวย์และระเบิดลุกเป็นไฟ ขณะลงจอดที่สนามบินนานาชาติซานฟรานซิสโกในสหรัฐ มีผู้เสียชีวิต 3 คน บาดเจ็บ 182 คน หลังสืบสวนพบว่าสาเหตุการตกเกิดขึ้นจากความผิดพลาดของนักบิน ซึ่งนับเป็นเหตุร้ายแรงสุดที่เกิดกับสายการบินเอเชียนานับตั้งแต่ปี 2536
6.ภัยพิบัติไห่เยี่ยน
ปี 2013 ยังถือเป็นปีแห่งความสูญเสียจากเหตุภัยพิบัติครั้งใหญ่ หลังซูเปอร์ไต้ฝุ่นไห่เยี่ยน ซึ่งมีความรุนแรงมากที่สุดลูกหนึ่งของโลก พัดถล่มทางตอนกลางของฟิลิปปินส์ คร่าชีวิตอย่างน้อย 6,000 คน สูญหายนับหมื่นคน ไร้ที่อยู่อาศัยกว่า 3 ล้านคน คิดเป็นมูลค่าความเสียหายอย่างน้อย 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ รวมทั้งจุดชนวนความไม่พอใจต่อรัฐบาลอย่างหนักว่าไม่พร้อมรับภัยพิบัติ ทั้งที่เจอเหตุการณ์ซ้ำซาก
7.มะกันชัตดาวน์
ความล้มเหลวของสภาคองเกรสสหรัฐในการหาข้อยุติในแผนงบประมาณประจำปี 2557 ได้ทันเส้นตาย 1 ต.ค. ส่งผลให้สหรัฐ เข้าสู่ภาวะปิดหน่วยงานเป็นการชั่วคราว (โกฟเวิร์นชัตดาวน์) นานถึง 16 วัน เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่รัฐอย่างน้อย 8 แสนคนต้องหยุดงานโดยไม่ได้รับค่าจ้าง สั่นคลอนความเชื่อมั่นของสหรัฐในฐานะมหาอำนาจทางเศรษฐกิจโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยแม้ว่าในที่สุดสภาคองเกรสสามารถบรรลุร่างกฎหมายงบประมาณฉบับใหม่ได้สำเร็จ แต่ยังเหลือร่างกฎหมายขยายเพดานหนี้ที่พรรคเดโมแครตและรีพับลิกันยังต้องถกเถียงกันอีก ซึ่งหากไม่ทันเส้นตายครั้งใหม่ก็อาจทำให้สหรัฐเสี่ยงชัตดาวน์อีกครั้ง
8.ปลาบปลื้มโป๊ปฟรานซิส
ท่ามกลางเหตุรุนแรงและสะเทือนขวัญ ยังมีเหตุการณ์ที่ทั่วโลกต่างยินดี หลังมีการลงคะแนนเลือก ฮอร์เฮ เบอร์โกกลิโอ พระคาร์ดินัลวัย 76 ปี ชาวอาร์เจนตินา เป็นสมเด็จพระสันตะปาปาพระองค์ใหม่องค์ที่ 266 เมื่อเดือน มี.ค. โดยทรงเลือกพระนามว่า “ฟรานซิส ที่ 1” นับเป็นประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิกพระองค์แรกในรอบ 1,300 ปี ที่ไม่ได้เป็นชาวยุโรป สะท้อนถึงการเปลี่ยนดุลอำนาจครั้งใหญ่และการนำพาคริสตจักรเข้าสู่โลกยุคใหม่ โดยทรงขึ้นชื่อเรื่องการดำเนินชีวิตที่เรียบง่าย
9.ยลโฉมรัชทายาทองค์ใหม่
เช่นเดียวกันกับ ข่าวการมีพระประสูติกาลพระโอรสของดัชเชส ออฟ เคมบริดจ์ พระชายาในเจ้าชายวิลเลียมแห่งราชวงศ์อังกฤษ พระนามว่า “จอร์จ อเล็กซานเดอร์ หลุยส์” เมื่อวันที่ 22 ก.ค. โดยเจ้าชายจอร์จ ทรงเป็นรัชทายาทลำดับที่ 3 รองจากเจ้าฟ้าชายชาร์ลส พระอัยกา และเจ้าชายวิลเลียมพระบิดาท่ามกลางความปลื้มปีติของพสกนิกรอังกฤษและทั่วโลก
10.อาลัยผู้นำคนสำคัญ
สุดท้าย 2013 ยังเป็นปีแห่งการอาลัยของบุคคลสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ ไล่ตั้งแต่ เนลสัน แมนเดลา วีรบุรุษนักต่อสู้ยุติการเหยียดสีผิวและกอบกู้สันติภาพของแอฟริกาใต้จนเป็นปึกแผ่น
ขณะที่ในเวเนซุเอลา ต้องสูญเสียประธานาธิบดีฝีปากกล้าแห่งโลกฝ่ายซ้าย ฮูโก ชาเวซ ซึ่งถึงแก่อสัญกรรมด้วยโรคมะเร็งด้วยวัย 58 และในอังกฤษ มาร์กาเร็ต แทตเชอร์ อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกและคนเดียวของอังกฤษ ผู้นำที่พลิกฟื้นเศรษฐกิจอังกฤษให้หลุดพ้นจากภาวะซบเซา ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อเดือน เม.ย. ด้วยวัย 87 ปี จากโรคเส้นโลหิตหล่อเลี้ยงสมองอุดตัน


