'ป๋อซีไหล'ผนวก'เฉินกวงเชิง'2กรณีฉาวสะท้านบังลังก์ผู้ประคองจีน
ซีเอ็นเอ็นชี้คดีอื้อฉาว ป๋อซีไหล และ เฉินกวงเชิง สั่นคลอนความมั่นคงรัฐบาลจีน กระทบสัมพันธ์จีน-สหรัฐ
โดย...ทีมข่าวต่างประเทศ
ซีเอ็นเอ็นชี้คดีอื้อฉาว ป๋อซีไหล และ เฉินกวงเชิง สั่นคลอนความมั่นคงรัฐบาลจีน กระทบสัมพันธ์จีน-สหรัฐ เตือนหากรัฐบาลมังกรจัดการปัญหาไม่ดี อนาคตประเทศน่าห่วง
ซีเอ็นเอ็นเปิดเผยรายงานเมื่อวันที่ 2 พ.ค. ซึ่งระบุว่า ประเด็นอื้อฉาวของป๋อซีไหล อดีตเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำนครฉงชิ่ง และ เฉินกวงเชิง นักเคลื่อนไหวผู้พิการทางสายตาชาวจีน กำลังสั่นคลอนรัฐบาลแดนมังกรครั้งใหญ่ พร้อมเปิดโปงจุดอ่อนของจีน ซึ่งโลกไม่ได้มีโอกาสพบเห็นมาหลายทศวรรษ ก่อนหน้าที่การเปลี่ยนถ่ายอำนาจครั้งใหญ่จะมีขึ้นช่วงปลายปีนี้
รายงานระบุว่า แม้ ป๋อซีไหล และ เฉินกวงเชิง จะมีพื้นฐานชีวิตที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง โดยขณะที่ ป๋อซีไหล นั้นมาจากครอบครัวนักการเมือง ซึ่งมีอิทธิพลในจีน โดยเป็นลูกชายของ ป๋ออี้โป หนึ่งในผู้นำอาวุโสพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งเคยสร้างประเทศจีนมากับเหมาเจ๋อตง แต่ทว่าทางด้าน เฉินกวงเชิง เป็นเพียงทนายความตาบอดที่มาจากครอบครัวยากจน แต่กระนั้นทั้งคู่กลับมีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อความมั่นคงของรัฐบาลจีน
ทั้งนี้ เพราะปัจจุบันเศรษฐกิจแดนมังกรกำลังชะลอตัว ขณะที่ชาวจีนจำนวนมากก็เริ่มหมดความอดทนกับช่องว่างระหว่างคนจนและคนรวยในประเทศที่กว้างขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นข่าวอื้อฉาวดังกล่าวซึ่งแม้จะถูกเซ็นเซอร์ในจีน แต่กลับถูกตีแผ่ไปทั่วโลก จึงยิ่งเปิดโปงความจริงที่ว่าจีนเป็นประเทศที่คนยากจนไม่ได้รับการคุ้มครองโดยกฎหมาย การกดขี่ข่มเหงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นประจำ ปัญหาการเซ็นเซอร์และคอร์รัปชันรุนแรง อำนาจและความร่ำรวยเป็นมรดกตกทอด ไม่ใช่สิ่งที่คนสร้างเอง
นักวิเคราะห์มองว่า สถานการณ์ความตึงเครียดในจีนขณะนี้ถือเป็นการท้าทายอำนาจรัฐบาลครั้งใหญ่สุดนับตั้งแต่เหตุปราบปรามประชาชนที่จัตุรัสเทียนอันเหมินเมื่อปี 2532
“รัฐบาลกำลังกังวลมาก ผมไม่เคยเห็นพวกเขาวิตกกังวลเท่านี้นับตั้งแต่เหตุการณ์นองเลือดที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน” เจมส์ แม็กเกรเกอร์ นักเขียน ซึ่งเชี่ยวชาญเรื่องจีน กล่าว
สำหรับกรณีอื้อฉาวของ ป๋อซีไหล อดีตนักการเมืองดาวรุ่ง ซึ่งเคยถูกวางตัวให้เป็น 1 ใน 25 กรรมการประจำกรมการเมือง คณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีน (โปลิตบูโร) เจ้าตัวถูกเปิดโปงโดยลูกน้องคนสนิทว่า ทุจริตคอร์รัปชัน และใช้วิธีรุนแรงในการปราบมาเฟีย นอกจากนี้ กู่ไคไหล ภรรยาของป๋อซีไหลยังสารภาพผิดในคดีฆาตกรรมนักธุรกิจชาวอังกฤษ
แม้ความผิดของป๋อซีไหล จะเข้าข่ายความผิดทางกฎหมาย ทว่าผู้เชี่ยวชาญกลับออกโรงเตือนว่ารัฐบาลจีนไม่สามารถจัดการคดีของป๋อซีไหลเหมือนกับคดีอาญาทั่วๆ ไป เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่าในอดีตนั้น ป๋อซีไหลเคยนำ “โครงการวัฒนธรรมแดง” ซึ่งมีส่วนคล้ายกับการปฏิวัติวัฒนธรรมจีนในสมัยเหมาเจ๋อตงมาใช้ในนครฉงชิ่ง
หวังคัง ผู้ซึ่งเคยรู้จักครอบครัวป๋อซีไหล มองว่า รัฐบาลจะต้องระมัดระวังอย่างยิ่งในการจัดการกับป๋อซีไหล เพราะสมัยที่ป๋อซีไหลริเริ่มโครงการวัฒนธรรมแดงนั้น เจ้าตัวได้สร้างความไม่พอใจให้กับสมาชิกพรรคหลายคน เนื่องจากมี “อุดมการณ์” ที่ต่างกัน
“คดีของป๋อซีไหลจะต้องถูกมองว่าเป็นการต่อสู้ระหว่างอุดมการณ์มากกว่าที่จะจำกัดอยู่แค่เรื่องความรุนแรง คอร์รัปชัน และฆาตกรรม มิฉะนั้นป๋อซีไหลและกลุ่มผู้สนับสนุนจะไม่ยอมถอยอย่างแน่นอน” หวังคัง กล่าวกับซีเอ็นเอ็น
นอกจากนี้ หลายฝ่ายยังมองว่าคดีของป๋อซีไหลได้ทำลายชื่อเสียงของการเมืองจีนอย่างหนัก ซึ่งรัฐบาลก็จะต้องเร่งเสริมภาพลักษณ์ก่อนที่การเปลี่ยนถ่ายอำนาจจะมีขึ้น มิฉะนั้นอาจเกิดความไม่สงบทางสังคมได้
ขณะเดียวกัน ทั่วโลกก็กำลังจับตามองคดีของเฉินกวงเชิงอย่างใกล้ชิด หลังเจ้าตัวได้หลบหนีจากการกักบริเวณในบ้านพักเพื่อขอความคุ้มครองจากสถานทูตสหรัฐประจำกรุงปักกิ่ง สร้างความไม่พอใจให้กับรัฐบาลจีนเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ เฉินกวงเชิง เคยถูกจำคุกนาน 4 ปี ในข้อหารณรงค์ต่อต้านการบังคับทำแท้งและการทำหมันของรัฐบาลจีน หลังจากได้รับการปล่อยตัว เจ้าตัวก็ถูกกักบริเวณในบ้านพักเป็นเวลานาน 19 เดือน ซึ่งเฉินกวงเชิง อ้างว่า เจ้าตัวและครอบครัวถูกเจ้าหน้าที่ทำร้ายร่างกายอย่างหนัก เจ้าตัวจึงตัดสินใจปล่อยคลิปเพื่อเปิดโปงความจริง”
“ผมขอถามนายกรัฐมนตรี เวินเจียเป่า ว่า เจ้าหน้าที่เหล่านี้กำลังละเมิดกฎหมายหรือได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลกันแน่ ผมหวังว่าท่านนายกฯ จะให้คำตอบสาธารณชนนะครับ” เฉินกวงเชิง กล่าว
ด้านนักวิเคราะห์มองว่า กรณีของเฉินกวงเชิงจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐอย่างแน่นอน โดยจะต้องกลายเป็นที่ถกเถียงอย่างกว้างขวางช่วงที่ ฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ เดินทางเยือนจีนอย่างเป็นทางการในช่วงสัปดาห์นี้
ล่าสุด กระทรวงการต่างประเทศจีน ได้ออกแถลงการณ์ประณามสหรัฐที่ให้การคุ้มครองเฉินกวงเชิง โดยระบุว่าเป็นการแทรกแซงกิจการภายในจีน
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์มองว่าสิ่งที่ต้องจับตามองต่อไปก็คือวิธีที่รัฐบาลจีนเลือกใช้ในการลงโทษหรือจัดการป๋อซีไหลและเฉินกวงเชิง ซึ่งหากรัฐบาลเลือกใช้วิธีที่ผิด ก็อาจส่งผลต่ออนาคตของประเทศได้เลยทีเดียว


