แว่นแปลภาษาแบบเรียลไทม์ เทคโนโลยีแห่งอนาคตสู่โลกโลกใบใหม่ที่ไร้พรมแดน
เราต่างคุ้นเคยกับการใช้ Google ในฐานะเว็บหาข้อมูล แผนที่ เครื่องแปลภาษา ไปจนระบบปฏิบัติการ แต่ล่าสุดพวกเขาได้เคลื่อนไหวครั้งใหญ่ กับการนำเทคโนโลยี Augmented Reality มาใช้กับการแปลภาษา จนเราสามารถแปลภาษาของคู่สนทนาแบบเรียลไทม์
งานจัดแสดงนวัตกรรม Google I/O 2022 ถือเป็นหนึ่งในงานแสดงเทคโนโลยีครั้งใหญ่ประจำปีของทาง Google บริษัทเทคโนโลยีที่เราคุ้นเคยและใช้งานผลิตภัณฑ์อยู่ทุกวัน ซึ่งหลายคนต่างจับตาว่าการเปิดตัวฟังก์ชั่นใหม่ๆ ทั้งหลายจะช่วยให้ชีวิตเราสะดวกสบายเพิ่มขึ้นแค่ไหน
ภายในงานเต็มไปด้วยการเปิดตัวเทคโนโลยีมากมาย ตั้งแต่การพัฒนา Google Translate รองรับภาษาเพิ่มเติมอีกกว่า 24 ภาษา, Google Maps กับมุมมอง Immersive mode ช่วยให้มองเห็นพื้นที่เป้าหมายได้สมจริงในช่วงเวลาต่างๆ, Google search เพิ่มประสิทธิภาพการค้นหาด้วยรูปภาพ รวมถึง Android 13 เวอร์ชั่นใหม่ของระบบปฏิบัติการบนมือถือ
แต่สิ่งน่าสนใจที่เรียกเสียงฮือฮาไม่แพ้กันคือ แว่นแปลภาษาที่สามารถทำให้คำพูดของคนลอยขึ้นมาเป็นตัวอักษรแบบเรียลไทม์ได้นั่นเอง
Augmented Reality อีกหนึ่งเทคโนโลยีสำคัญในโลกยุคใหม่
เมื่อเห็นการทำงานของอุปกรณ์ดังกล่าวหลายท่านอาจเกิดความสงสัย เหตุใดตรงหน้าจึงปรากฏตัวอักษรไล่ตามสิ่งที่คู่สนทนาพูดรวมถึงแสดงผลตอบสนองต่อท่าทางได้ทันท่วงที จนสามารถแสดงผลออกมาเป็นหน้าจอการแปลภาษาอย่างที่เราได้เห็นกัน ส่วนนี้เกิดจากเทคโนโลยีโลกเสมือนจริงซึ่งได้รับการพัฒนาขึ้นทุกวัน
เทคโนโลยีนี้ถูกเรียกว่า AR หรือ Augmented Reality เป็นการฉายภาพเสมือนสามมิติมาจำลองเข้าขึ้นมาโลกจริง โดยสามารถมองเห็นได้ผ่านระบบประมวลผลที่ติดตั้งไว้บนอุปกรณ์ต่างๆ ให้เราสามารถตอบสนองกับภาพเสมือนที่เกิดขึ้นได้บนโลก จนดูราวกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริง
อันที่จริงเทคโนโลยีนี้ไม่ใช่ของใหม่แต่ได้รับการพูดถึงและพัฒนาจริงจังมาตั้งแต่ปี 2010 ดังที่เราจะได้เห็นจากภาพยนตร์ล้ำยุคหลายเรื่องฉายภาพสามมิติขึ้นมาบนโลกความจริง และในปัจจุบันเราก็ยกระดับเทคโนโลยีใกล้เคียงจุดนั้นมากขึ้น ตัวอย่างเช่น เกมมือถือยอดฮิตอย่าง Pokemon GO
บางท่านอาจสับสนเทคโนโลยีนี้กับ VR หรือ Virtual Reality ซึ่งเป็นการสร้างโลกเสมือนขึ้นมาซ้อนทับกับโลกจริง โดยเราสามารถมองเห็นและตอบสนองสิ่งที่เกิดในโลกนั้นผ่านอุปกรณ์หลายชนิด โดยมีจุดหมายคือให้การแสดงผลมีความสมจริงแก่โลกจำลองใบนั้นให้มากที่สุด
ดังนั้นข้อแตกต่างสำคัญระหว่างสองเทคโนโลยีนี้คือ AR เป็นการนำโลกเสมือนมาซ้อนทับความเป็นจริงอย่างกลมกลืน ช่วยส่งเสริมการใช้ชีวิตประจำวันให้สะดวกสบายยิ่งขึ้น ในขณะที่ VR เป็นการสร้างโลกเสมือนจำลองให้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงที่สุด จึงมักใช้ในการจำลองประสบการณ์ที่เราหาไม่ได้จากชีวิตจริงเป็นหลัก
และบทบาทของเทคโนโลยี AR กำลังจะเปลี่ยนไปอีกครั้งเมื่อมีการแสดงให้เห็นแว่นแปลภาษาจากทาง Google
แว่นแปลภาษา สู่อีกมิติของการสื่อสารที่ไม่มีกำแพงกั้น
แว่นแปลภาษาถือเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่เพิ่งได้รับการเปิดตัวมาหมาดๆ โดยรูปลักษณ์ของผลิตภัณฑ์จะมีความใกล้เคียงกับแว่นตาธรรมดา แต่เมื่อทำการสวมใส่จะสามารถทำให้มองเห็นคำพูดของคู่สนทนาที่อยู่ตรงหน้า ให้กลายเป็นข้อความตัวอักษรในภาษาที่ผู้สวมใส่ใช้งาน ถ้าจะให้พูดมันมีรูปแบบใกล้เคียงกับการอ่าน Subtitle
จากตัวอย่างที่เราได้เห็นวีดีโอตัวแว่นแปลภาษาการสนทนาจากอังกฤษมาสู่จีนกลาง รวมถึงใช้แปลภาษาอังกฤษมาเป็นภาษาสเปน ช่วยให้คนต่างเชื้อชาติและภาษาสามารถสื่อสารกันได้ราบรื่น ทำความเข้าใจเนื้อหาการสนทนาได้ทันท่วงทีจนสามารถพูดคุยตอบสนองกันเป็นปกติ
นอกจากภาษาที่ใช้ในการพูดคุยแล้วอีกระบบที่ตัวแว่นสามารถทำได้คือ การแปลภาษามือให้แก่ผู้มีความบกพร่องทางการพูดให้ออกมาเป็นตัวอักษร ทำให้ผู้พิการสามารถสื่อสารกับคนทั่วไปได้ผ่านบทสนทนา ถือเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้พิการจนอาจทำให้พวกเขาสามารถเข้าหาสังคมได้มากขึ้น
แน่นอนว่าแว่นตาชนิดนี้ยังไม่ได้ถูกผลิตออกมาเป็นทางการเป็นเพียงวิสัยทัศน์ที่นำมาจัดแสดง แต่ช่วยให้เราได้เห็นว่าเทคโนโลยี AR ไม่ใช่เพียงของเล่นฆ่าเวลาใช้ได้กับเกมเพียงอย่างเดียว แต่สามารถผลักดันโลกไปสู่ขอบเขตใหม่ที่ไม่มีใครจินตนาการถึง
ไม่แน่ว่าในอนาคตความแตกต่างทางภาษาหรือบกพร่องด้านการสื่อสารอาจไม่ใช่เรื่องสำคัญในสังคมอีกต่อไป
ความเป็นไปได้ไม่สิ้นสุดแต่ปัจจุบันยังมีขีดจำกัด
แน่นอนเทคโนโลยี AR ถือเป็นความล้ำหน้าและก้าวใหญ่แห่งมนุษยชาติ วันใดที่เราสามารถสร้างอุปกรณ์รองรับโดยสมบูรณ์ทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิม ในอนาคตนอกจากแปลภาษา เราอาจสามารถเห็นป้ายบอกทาง ข้อมูลเชิงละเอียดของสิ่งของ ไปจนชื่อเสียงเรียงนามของผู้คนจากข้อมูลที่แสดงบนหน้าจอ เป็นความสะดวกในระดับที่เราจินตนาการไม่ถึง
น่าเสียดายที่นั่นอาจเป็นเรื่องที่เราต้องมองไกลไปถึงอนาคตซึ่งอาจยังไม่เกิดขึ้นในเร็ววัน
ดังที่เราทราบกันว่าการวิจัยพัฒนาโปรเจคในทุกวงการพากันหยุดชะงักไปเพราะการระบาดของโควิด ทำให้สายการผลิตและวิจัยตามตารางล่าช้าไปนับปี อีกทั้งบางบริษัทก็พัฒนาเทคโนโลยีกันไปคนละแนวทาง เช่น Google อาจเล็งพัฒนาระบบ AR บนโลกจริง แต่ Meta กลับให้ความสนใจ Metaverse ที่เป็นโลกเสมือนจริงให้คนเข้าไปอาศัยมากกว่า
นอกจากนี้ถึงมีการแสดงตัวอย่างออกมาให้เห็นแต่การจัดทำออกมาในความจริงนั้นไม่ง่าย อย่างแว่นแปลภาษาของทาง Google เอง ที่นำมาแสดงเป็นเพียงการโชว์ผ่านคลิปวีดีโอใช้ในการโปรโมท ไม่มีตัวสินค้าหรือข้อมูลใดออกมาว่าแว่นตาดังกล่าวจะมีประสิทธิภาพเพียงไร แม้แต่ชื่อผลิตภัณฑ์อย่างเป็นทางการยังไม่มี ตัวแว่นจึงอาจอยู่ในการพัฒนาขั้นต้นเท่านั้น
ปัจจุบันโครงการจากเทคโนโลยี AR และ VR ถึงได้รับการพูดถึงไม่ขาด แต่ส่วนมากอยู่ในช่วงการพัฒนา จำเป็นต้องได้รับการปรับปรุงแก้ไขอีกมากหากต้องการให้เป็นที่ยอมรับใช้งานได้ทั่วโลก เมื่อรวมกับการทำให้ผู้คนทั่วไปเข้าใจ ยอมรับ และใช้งานเทคโนโลยีนี้ได้มีประสิทธิภาพก็อาจใช้เวลานานขึ้นอีก
ฟังดูยาวนานกับการรอคอยให้เทคโนโลยีว่ามาถึงแต่พอมองอีกมุมกลับเป็นเรื่องดี อย่างน้อยทำให้เรามีเวลาได้ศึกษาปรับตัว เตรียมพร้อมสำหรับอนาคตที่กำลังจะมาถึง เพราะแน่ใจได้เลยว่าเมื่อเทคโนโลยีนี้แพร่หลาย มันอาจเป็นก้าวใหญ่ที่เปลี่ยนมุมมองของโลกทั้งใบทีเดียว
ที่มา
https://www.youtube.com/watch?v=lj0bFX9HXeE&t=13s
https://www.blognone.com/node/128459
https://km.cc.swu.ac.th/archives/1930
https://www.youtube.com/watch?v=CWTm0ccfZe4&ab_channel=Google