ส่อง 10 กลยุทธ์ยอดฮิต "แก๊งสแกมเมอร์" ภัยร้ายบนโลกออนไลน์
ส่อง 10 กลยุทธ์ยอดฮิต "แก๊งสแกมเมอร์" ภัยร้ายบนโลกออนไลน์ หลอกให้รัก-ลงทุน-คอลเซ็นเตอร์ รู้ทัน ก่อนตกเป็นเหยื่อ
"แก๊งสแกมเมอร์" เครือข่ายมิจฉาชีพที่ใช้กลวิธีทางจิตวิทยาและเทคโนโลยีในการหลอกลวงเหยื่อ ได้สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินของประชาชนไปแล้วมูลค่ามหาศาล
รายงานจากศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เปิดเผยถึงสถิติและกลโกงของกลุ่มมิจฉาชีพในโลกออนไลน์ หรือ "แก๊งสแกมเมอร์" ที่มีการพัฒนาวิธีการหลอกลวงที่ซับซ้อนและแนบเนียนยิ่งขึ้น พบว่ามีมูลค่าความเสียหายสะสมนับหมื่นล้านบาทในปีที่ผ่านมา
เพื่อเป็นเกราะป้องกันภัยทางการเงินและข้อมูลส่วนบุคคล โพสต์ทูเดย์ได้รวบรวม 10 กลยุทธ์ยอดฮิต ที่แก๊งสแกมเมอร์ใช้เป็นเครื่องมือในการหลอกลวงประชาชน ดังนี้
1. Romance Scam (หลอกให้รักแล้วลงทุน/โอนเงิน) : มิจฉาชีพใช้โปรไฟล์ปลอมที่ดูดีเข้ามาตีสนิท สร้างความเชื่อใจเชิงชู้สาว ก่อนจะชักชวนให้ลงทุนในแพลตฟอร์มปลอม หรือหลอกให้โอนเงินช่วยเหลือด้วยเหตุผลต่างๆ
2.Investment Scam (หลอกลงทุนปลอม) : ชักชวนผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย หรือแอปพลิเคชัน โดยอ้างผลตอบแทนสูงเกินจริงและรวดเร็ว เช่น การเทรดหุ้น คริปโต หรือทองคำปลอม ในช่วงแรกๆ อาจได้ผลตอบแทนจริงเพื่อให้เหยื่อความตายใจ ก่อนเชิดเงินก้อนใหญ่ในภายหลัง
3.Call Center Scam (แก๊งคอลเซ็นเตอร์): แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ อาทิ ตำรวจ DSI หรือธนาคาร ข่มขู่ว่าเหยื่อพัวพันกับคดี หรือมีบัญชีผิดกฎหมาย เพื่อให้เกิดความตื่นตระหนก และหลอกให้โอนเงินเพื่อตรวจสอบ หรือติดตั้งแอปพลิเคชันดูดเงิน
4. Online Shopping Scam (หลอกซื้อขายสินค้าปลอม) : สร้างร้านค้าออนไลน์ปลอม หรือใช้บัญชีม้าหลอกขายสินค้าที่ราคาถูกเกินจริง หรือสินค้าหายาก เมื่อเหยื่อโอนเงินแล้วจะไม่ได้รับสินค้าตามที่ตกลง
5. Job Scam (หลอกทำงานออนไลน์) : ชักชวนให้ทำภารกิจง่ายๆ เพื่อรับผลตอบแทนสูง เช่น การกดรับออเดอร์สินค้า หรือรีวิวสินค้า โดยช่วงแรกจะจ่ายเงินจริง เมื่อเหยื่อลงทุนเพิ่มก็จะเริ่มอ้างข้อผิดพลาดและเรียกเงินเพิ่มเพื่อถอนทุนคืน
6. Loan Scam (หลอกปล่อยเงินกู้/ค่าธรรมเนียม) : โฆษณาเงินกู้นอกระบบดอกเบี้ยต่ำ อนุมัติเร็ว เมื่อเหยื่อสนใจจะถูกเรียกเก็บ "ค่าธรรมเนียม" "ค่าทำสัญญา" หรือ "ค่าค้ำประกัน" ก่อนปล่อยกู้ แต่เมื่อจ่ายเงินไปแล้วก็ไม่ได้รับเงินกู้และไม่สามารถติดต่อผู้ให้กู้ได้
7. Phishing (ฟิชชิ่ง) และ SMS ปลอม : ส่งอีเมล ข้อความ หรือ SMS แอบอ้างเป็นธนาคาร หน่วยงานรัฐ หรือบริษัทที่น่าเชื่อถือ โดยแนบลิงก์ปลอมเพื่อให้เหยื่อกรอกข้อมูลส่วนตัว รหัสผ่าน หรือรหัส OTP เพื่อนำข้อมูลไปใช้ในการทำธุรกรรมทางการเงิน
8.Fake Celebrity/Influencer Scam (แอบอ้างคนดัง): สร้างบัญชีโซเชียลมีเดียปลอมเป็นผู้นำประเทศ คนดัง หรือผู้มีอิทธิพล ชักชวนให้ร่วมบริจาคเงิน หรือร่วมลงทุนเพื่อแลกกับผลตอบแทนหรือรางวัล
9.Urgent Threat Scam (สร้างสถานการณ์ฉุกเฉิน/อันตราย) : มักใช้ข้อความที่สร้างความกลัวหรือเร่งเร้า เช่น บัญชีถูกระงับ พัสดุผิดกฎหมาย เพื่อกระตุ้นให้เหยื่อรีบตัดสินใจโอนเงินหรือให้ข้อมูลโดยไม่ทันคิด
10.Cryptocurrency Payment Scam (หลอกชำระด้วยเงินดิจิทัล): ชักชวนให้ชำระเงินด้วยสกุลเงินดิจิทัลในการซื้อขายสินค้าหรือบริการ โดยอ้างข้อเสนอพิเศษ หรือใช้เป็นช่องทางในการรับเงินจากการลงทุนปลอม เนื่องจากยากต่อการติดตามและตรวจสอบ


