แกะรอย "บัญชีมูลนิธิวัดไร่ขิง" เงินบริจาคช่วย รพ.หายไปไหน?
แกะรอย "บัญชีมูลนิธิวัดไร่ขิง" รับบริจาคซื้อเครื่องมือแพทย์ - ช่วยโรงพยาบาล กลับไม่ส่งเงินช่วยเหลือนาน 3 ปี
จากกรณีตำรวจสอบสวนกลาง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำลังเข้าตรวจสอบบัญชีการเงินรายรับรายจ่ายของวัดไร่ขิงอย่างละเอียดในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เบื้องต้นพบบัญชีธนาคารจำนวน 53 บัญชี รวมถึงยังพบว่า มี 2 บัญชีที่เปิดเพื่อรับเงินจากตู้บริจาคในนามของมูลนิธิเมตตาประชารักษ์ และซื้ออุปกรณ์การแพทย์ ให้กับโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์
แต่พนักงานสอบสวนได้รับแจ้งข้อมูลจากผู้เกี่ยวข้องของโรงพยาบาลว่า ทางวัดไม่ได้สนับสนุนเงินให้กับโรงพยาบาลมานานกว่า 3 ปี แล้ว
นอกจากนี้จากการตรวจสอบยอดเงินในบัญชีธนาคาร ทั้ง 2 บัญชี พบว่า มีเงินคงเหลือในบัญชีเพียงแค่ล้านกว่าบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างยื่นขอตรวจสอบรายงานเดินบัญชี จากสถาบันการเงิน ว่านำไปใช้ประโยชน์ผิดวัตถุประสงค์หรือไม่
ทั้งนี้มีรายงานว่า ในอดีตโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ เคยได้รับเงินสนับสนุนผ่านมูลนิธิเมตตาประชารักษ์ ทั้งด้านทุนการศึกษาให้กับนักศึกษาแพทย์ การอบรม และบัญชีสนับสนุนการซื้อเครื่องมือแพทย์อยู่เป็นประจำ
แต่ในช่วงปี 2564-2565 ทางโรงพยาบาลได้รับเงินสนับสนุนจากทางวัดน้อยลง และหยุดสนับสนุนมานานกว่า 3 ปี
ทางโรงพยาบาลได้จัดตั้งมูลนิธิขึ้นมาใหม่ เพื่อเปิดรับเงินจากประชาชน แยกอีกหนึ่งบัญชี โดยขาดอำนาจจากมูลนิธิเมตตาประชารักษ์เดิม ที่มีนายเเย้ม อดีตเจ้าอาวาสเป็นประธานมูลนิธิ ซึ่งมีอำนาจเบิกถอน และได้ขออนุญาตจากคณะกรรมวัดไร่ขิง ตั้งตู้บริจาคเงินโรงพยาบาลอีก 1 ตู้ เพื่อรับเงิน
โดยทางโรงพยาบาลจะส่งเจ้าหน้าที่มาเปิดไขเงินจากตู้บริจาคเองไม่เกี่ยวข้องกับบัญชีวัด แต่ก็ยังพบเห็นตู้บริจาคของมูลนิธิฯ และตู้บริจาคซื้ออุปกรณ์การแพทย์อันเดิมตั้งอยู่ด้วยเช่นกัน
ส่วนการตรวจสอบบัญชีอื่นๆ ของวัด ขณะนี้พบว่ามีบัญชีธนาคารที่ถูกเปิดในชื่อบัญชีพระธรรมวชิรานุวัตร อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง เพิ่มเติมอีกหลายบัญชี นอกเหนือจาก 3 บัญชีที่ใช้กล่าวหาไปก่อนหน้านี้
พบเงินคงเหลือในบัญชีรวมกันแล้วกว่า 1 ล้านบาท มีการโอนเงินเข้าออกบัญชีหลายรายการที่เป็นที่สงสัย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบ
ส่วนผู้เกี่ยวข้องในบัญชีเงินวัดทั้งหมดตำรวจได้สอบปากคำแยกเป็น 1.พยาน 2.ผู้ร่วมกระทำความผิด ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการพิจารณาออกหมายจับใคร แต่อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อพิจารณาฐานความผิดเท่านั้น
จากการตรวจสอบที่ผ่านมาพบว่าระบบบัญชีรายรับรายจ่ายของวัดไร่ขิง ถูกจัดเก็บไว้อย่างค่อนข้างรัดกุม สามารถตรวจสอบได้ง่าย แต่ภายหลังที่นายแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงเข้ามารับตำแหน่ง ตั้งแต่ ปี 2551 การเดินบัญชีเริ่มจะมีความซับซ้อนมากขึ้น
ส่วนในประเด็นที่นายแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง หยิบยืมเงินจากเจ้าอาวาสวัดอื่น ๆ อ้างนำเงินไปวิ่งเต้นเพื่อรับตำแหน่งเจ้าคณะภาค 14 ตำรวจชุดกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ยังไม่ได้สอบสวนในประเด็นนี้
แต่หากพบในการทุจริตการรับตำแหน่งจริง หรือไปเรียกเงินจากวัดอื่น ๆ เพื่อสนับสนุนการกระทำความผิด ก็จะต้องตรวจสอบย้อนหลัง พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่การกล่าวหาต้องว่าไปตามพยานหลักฐาน


