posttoday

ก.ล.ต.เอาผิด5บริษัททำธุรกิจไม่ได้รับอนุญาต

27 พฤศจิกายน 2555

ก.ล.ต. กล่าวโทษบริษัท 5 แห่ง และบุคคลที่เกี่ยวข้อง 4 ราย กรณีประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต

ก.ล.ต. กล่าวโทษบริษัท 5 แห่ง และบุคคลที่เกี่ยวข้อง 4 ราย  กรณีประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต

ก.ล.ต. กล่าวโทษบริษัท 5 แห่ง  (1) บริษัท ซิลเวอร์ ไลน์ เทรดดิ้ง อินเตอร์เทรด จำกัด  (2) บริษัท ไดมอนด์ แอนด์ ซิลเวอร์ไลน์ กรุ๊ป จำกัด  (3) บริษัท เค.เอ็น.โอ. มาร์เก็ตติ้ง จำกัด  (4) บริษัท เอ็ม.บี. เน็ตเวิร์ค จำกัด  (5) บริษัท พี.ที. รีเสิร์ท จำกัด  และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจของบริษัทรวม 4 ราย ได้แก่ (1) นายจเร  ชาญชัยศิลป์ กรรมการบริษัท ซิลเวอร์ ไลน์ เทรดดิ้ง อินเตอร์เทรด จำกัด  และบริษัท ไดมอนด์ แอนด์ ซิลเวอร์ไลน์ กรุ๊ป จำกัด  (2) นายกนก จันทรโชติ  กรรมการบริษัท เค.เอ็น.โอ. มาร์เก็ตติ้ง จำกัด  (3) นายรักษ์ สุวรรณรอด  กรรมการบริษัท เอ็ม.บี. เน็ตเวิร์ค จำกัด  และ (4) นายภัทร  ธรรมา  กรรมการบริษัท พี.ที. รีเสิร์ท จำกัด  กรณีประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต  ต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.)

การกล่าวโทษในครั้งนี้ สืบเนื่องจาก ก.ล.ต. ได้รับแจ้งเบาะแสว่า พนักงานของบริษัททั้งห้าแห่ง ได้แสดงตนว่าเป็นตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าของบริษัทในต่างประเทศ โดยมีการติดต่อชักชวนและโฆษณาให้ผู้ลงทุนเปิดบัญชีซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่มีทองคำเป็นสินค้าอ้างอิง และให้ซื้อขายผ่านเว็บไซต์ www.masterbenasia.com, www.solidgoldasia.com, www.everchampgroup.com, www.empirelinkgroup.com, www.hkdealing.com, www.kimston.com  ซึ่งเว็บไซต์ดังกล่าวส่วนใหญ่มีสถานที่ติดต่อเดียวกันที่  3rd Floor, Omar Hodge Building, Wickhams Cay 1, Road Rown หรือ Road Town, Tortola, British Virgin Islands  อีกทั้งนิติบุคคลทั้ง 5 รายที่ถูกกล่าวโทษนี้ มีหรือเคยมีที่ตั้งอยู่ที่แห่งเดียวกัน คือเลขที่ 400 ซอยลาดพร้าว 94 (ปัญจมิตร)  แขวงวังทองหลาง  เขตวังทองหลาง  กรุงเทพมหานคร 10230 

จากการตรวจสอบของ ก.ล.ต. บริษัททั้งห้าแห่งไม่ได้รับใบอนุญาตหรือจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้ากับ ก.ล.ต.  ดังนั้น การกระทำดังกล่าวจึงเป็นความผิดฐานประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 ซึ่งมีโทษตามมาตรา 125 แห่งพระราชบัญญัติฉบับเดียวกันคือ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืน  ก.ล.ต. จึงได้กล่าวโทษบริษัททั้งห้าแห่งและบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งสี่ราย ต่อ ปอศ.

นายวสันต์  เทียนหอม  รองเลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า บริษัทที่ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต จะพยายามสร้างความน่าเชื่อถือให้ประชาชนหลงเชื่อ ตั้งแต่การเลือกที่ตั้งสำนักงานในย่านธุรกิจ  เช่น สีลม สาทร สุขุมวิท  ซึ่งสถานที่ดังกล่าวจะเป็นเพียงจุดรับเอกสารหรือโทรศัพท์ (virtual office) หรือรับรองประชาชนที่อยู่ระหว่างถูกชักชวนให้เป็นลูกค้า ไม่ใช่สถานที่ทำการจริงของบริษัท และจะรีบติดต่อชักชวนลูกค้าทางโทรศัพท์  นอกจากนี้ นิยมนัดพบลูกค้าตามศูนย์การค้าหรือโรงแรมชั้นนำ และที่สำคัญบริษัทเหล่านี้จะย้ายที่ทำการบ่อยมาก โดยไม่แจ้งให้ลูกค้าทราบ เพื่อหลบเลี่ยงการติดต่อของลูกค้าเมื่อลูกค้าต้องการจะถอนเงินลงทุน

สำหรับเงินลงทุนจะให้ลูกค้าเปิดสัญญาขั้นต้นที่ 350,000 บาท และเมื่อเปิดสัญญาแล้วจะส่งบัญชีพร้อมรหัสการเข้าใช้งานให้กับลูกค้าทางอีเมล์  เพื่อให้ลูกค้าส่งคำสั่งซื้อขายและตรวจสอบรายการซื้อขาย  ตลอดจนสถานะบัญชีผ่านเว็บไซต์ที่กำหนดได้เอง โดยคิดค่าธรรมเนียมการซื้อขายจากลูกค้าครั้งละ 80 เหรียญสหรัฐ และกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ในอัตรา 35 บาท ต่อ 1 เหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 2,800 บาทต่อการซื้อขาย 1 ครั้ง 

ดังนั้น  เมื่อได้รับการติดต่อ ชักชวนให้ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เช่น ทองคำล่วงหน้า น้ำมันดิบล่วงหน้า  ไม่ว่าอัตราผลตอบแทนจะน่าสนใจเพียงใด ประชาชนควรตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่าผู้ชักชวนเป็นผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับใบอนุญาตหรือขึ้นทะเบียนกับ ก.ล.ต. หรือไม่  เพื่อให้แน่ใจว่าจะได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย  โดยสามารถตรวจสอบรายชื่อผู้ได้รับอนุญาตประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่เว็บไซต์ของ ก.ล.ต. www.sec.or.th  หรือดูรายชื่อของนิติบุคคลที่มิใช่ผู้ประกอบธุรกิจภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. ได้ที่เว็บไซต์ของ ก.ล.ต. หัวข้อ Investor Alert List  หรือแจ้งเบาะแสไปยังศูนย์สนับสนุนผู้ลงทุนของ ก.ล.ต. (Help Center) โทร. 0-2263-6000  อีเมล์ [email protected]  เพื่อ ก.ล.ต. จะได้ดำเนินการตรวจสอบต่อไป