posttoday

แนะนักลงทุน สำรวจพอร์ตตัวเอง หากรับความเสี่ยงไม่ไหว "พักก่อน"

18 มีนาคม 2563

ทรีนีตี้ บอกนักลงทุนกลุ่มสภาพคล่องสูงแนะเลือกซื้อหุ้นที่ดัชนีปรับตัวแรงด้วยความกลัว พร้อมชี้โอกาสการลงทุนใน 5 กลุ่มหุ้นน่าสนใจ ในสถานการณ์โควิด-19

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด กล่าวว่าสถานการณ์ตลาดหุ้นในขณะนี้ อยากให้นักลงทุนสำรวจพอร์ตตัวเองว่าเป็นแบบไหน หากรับความเสี่ยงและความผันผวนได้ต่ำแนะนำให้ชะลอลงทุน ขณะที่นักลงทุนที่ยังมีสภาพคล่องรับความผันผวนและความเสี่ยงได้แนะนำเลือกซื้อ ( Selective buy) หุ้นในจังหวะที่ดัชนีปรับตัวลงมาแรงด้วยความกลัว

โดยในมุมมองของทรีนีตี้ ประเมินระดับดัชนีที่สะท้อนความกลัวของตลาดไว้ 2 ระดับ กล่าวคือ 1. ระดับดัชนี 970 จุด ซึ่งเป็นระดับเทียบเคียง Forward PE ที่ -1SD จากค่าเฉลี่ยตั้งแต่ปี 2549 ซึ่งอยู่ที่ 10.7 เท่า และ 2. ระดับ 760 จุด ซึ่งเป็นระดับเทียบเคียง Forward PE ที่ -2SD จากค่าเฉลี่ย และยังเป็นระดับที่เทียบเท่าการปรับฐานของ SET ในช่วง Lehman crisis ที่ 57% รวมถึงเป็นระดับที่มีค่า PBV เท่ากับจุดต่ำสุดในช่วง Lehman crisis ที่ 0.8 เท่าอีกด้วย

ทั้งนี้ กลุ่มที่แนะนำให้นักลงทุนหาจังหวะการเข้าซื้อในช่วงที่ตลาดปรับฐาน ได้แก่ หุ้นที่คาดว่าจะเป็นเป้าหมายของกองทุน SSF รูปแบบใหม่ที่จะออกมาในเดือนเมษายนนี้ คือ 1. กลุ่มค้าปลีกที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตประจำวัน เพราะจะได้ผลดีจากการกักตุนสินค้าของประชาชน นอกจากนั้นยังคาดว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐในช่วงถัดไปจะมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มกำลังซื้อของคนในประเทศอีกด้วย

2. กลุ่มสื่อสารที่มีเงินปันผลสูง 3. กลุ่มโรงไฟฟ้าที่ราคาปรับลงมาลึกมากแต่ยังมีความน่าสนใจจากรายได้ที่สม่ำเสมอในช่วงที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) มีแนวโน้มต่ำต่อไป 4. กลุ่มไฟแนนซ์ที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง โดยเน้นไปที่ธุรกิจ AMC และ 5. กลุ่มอาหารที่เห็นการฟื้นตัวของกำไร

ขณะที่การลงทุนในทองคำนั้นยังถือว่าเป็นสินทรัพย์ในกลุ่ม Safe haven ที่น่าสนใจในภาวะตลาดผันผวนต่อไป แนะนำเพิ่มน้ำหนักลงทุนทองคำจากเดิม 5% เป็น 10% ของพอร์ตการลงทุนโดยรวม หลังจากที่ราคามีการปรับฐานลงมาแรงในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยการลดดอกเบี้ยของ Fed ลงเหลือ 0% นั้นจะทำให้ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีความน่าสนใจในมิติของการเก็บสะสมมูลค่ามากยิ่งขึ้น

นอกจากนั้นจากการที่หลายประเทศหันมาใช้นโยบายการเงินที่ Aggressive คาดว่าจะทำให้ธนาคารกลางหลายๆประเทศมีแนวโน้มเพิ่มการถือครองทองคำเป็นเงินทุนสำรองระหว่างประเทศแทนสกุลเงินต่างๆ ที่มีแนวโน้มอ่อนค่ามากขึ้นด้วยเช่นกัน

ข่าวล่าสุด

'นิวยอร์ก' คุมโซเชียล บังคับขึ้นคำเตือนอันตรายต่อสุขภาพจิตเยาวชน