posttoday

ใครถือหุ้น"กัลฟ์"ตั้งแต่ราคาไอพีโอ วันนี้รวย 333.33 %

14 มกราคม 2563

บล.บัวหลวง ยืนเป้า 200 บาท บล.กสิกรไทย ปรับราคาเป้าหมายจาก 173 เป็น 175 บาท รอเฉลยมีข่าวอะไรหนุนหุ้นสูงเสียดฟ้า!

บล.บัวหลวง ยืนเป้า 200 บาท บล.กสิกรไทย ปรับราคาเป้าหมายจาก 173 เป็น 175 บาท รอเฉลยมีข่าวอะไรหนุนหุ้นสูงเสียดฟ้า!

....................................................................

หุ้นของบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF)กลับมาร้อนแรงติดต่อกัน 2 วัน โดยวันที่ 14 ม.ค.ยังพุ่งขึ้นต่อ ปิดตลาดที่ 195 บาท เพิ่มจากวันก่อนหน้า 1.50 บาท (+0.78%) ขณะที่การซื้อขายระหว่างวันปรับขึ้นสูงสุดที่ 196.50 บาท มีมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 3,070.05 ล้านบาท

ส่วนวันก่อนหน้า (13 ม.ค.)มีมูลค่าซื้อขาย 4,540 ล้านบาท รวม 2 วัน มีมูลค่าการซื้อขาย 7,610.05 ล้านบาท

ทั้งนี้ หุ้นกัลฟ์ ปรับขึ้นปิดระดับสูงสุดตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อ 2 ปีก่อน หรือวันที่ 6 ธ.ค.2560 โดยราคาเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่า คิดเป็น 333.33 % จากราคาที่ออกและเสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ)ที่ 45 บาท

หุ้นกัลฟ์ ยังได้ชื่อว่าเป็นหุ้นที่ราคาสูงลิบลิ่ว โดยมีพี/อี เรโช ที่ 91.02 เท่า อัตราเงินปันผลตอบแทน 0.62 % ขณะที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) ที่ 4.12 แสนล้านบาท ( ณ 13 ม.ค.63)

ถามว่ารอบนี้หุ้นกัลฟ์ปรับขึ้นเพราะอะไร จากการรวบรวมข้อมูลหลังเปิดปี 2563 มานี้ ข่าวล่าสุดของกัลฟ์ คือ การได้งานโครงการวัน แบงค็อก

บริษัทหลักทรัพย์(บล.) กสิกรไทย ได้ปรับราคาเป้าหมายของหุ้น GULF ขึ้นเป็น 175 บาทต่อหุ้น จากเดิมอยู่ที่ 173 บาทต่อหุ้น หลังจากที่ได้ร่วมมือกับพันธมิตร 2 ราย เพื่อดำเนินการระบบจำหน่ายไฟฟ้าและสัญญา District Cooling System สำหรับโครงการวัน แบงค็อก โดยสัญญามีอายุ 30 ปี ในการขายไฟฟ้าราว 240 เมกะวัตต์ และน้ำเย็นที่ 36,000 ตัน มูลค่าโครงการประมาณ 3,570 ล้านบาท

ก่อนหน้านี้บล.บัวหลวง ได้สร้างความฮือฮาให้กับหุ้นกัลฟ์ ด้วยการปรับราคาเป้าหมายเป็น 200 บาท โดยระบุว่ายังมีอัพไซด์ต่อประมาณการกำไรระยะยาวและราคาเป้าหมายของฝ่ายวิจัยอีกมาก หากรวมโครงการท่าเรือน้ำลึก และโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติ(LNG)ในประเทศเวียดนาม

ด้านบทวิเคราะห์บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ ปรับตัวขึ้นมาเร็ว จนเริ่มเต็มมูลค่าทางพื้นฐาน

บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ภาวะเศรษฐกิจในภาพรวมที่ชะลอตัว ทำให้นักลงทุนมองหาหุ้นที่ปลอดภัย

ดังนั้นหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้าโดยเฉพาะกลุ่มโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ อาทิ GULF GPSC BGRIM EGCO และ RATCH ซึ่งถือเป็นหุ้น Defensive มีรายได้ที่ค่อนข้างมั่นคงแน่นอนไม่ผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจจึงได้รับความสนใจลงทุนกันอย่างมากในช่วงที่ผ่านมาต่อเนื่องถึงปัจจุบัน

จากปัจจัยข้างต้น ส่งผลให้ราคาหุ้นโรงไฟฟ้าเกือบทุกตัวในกลุ่มเต็มมูลค่าพื้นฐานที่ฝ่ายวิจัยบล.เอเซีย พลัส กำหนดไว้ที่ได้รวมมูลค่าทุกโครงการที่มีอยู่ในมือซึ่งมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าแน่นอนไปหมดแล้ว (แต่สำหรับโครงการลงทุนใหม่ที่อยู่ระหว่างการศึกษายังไม่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้านั้น จะถือเป็นอัพไซด์ ยังไม่รวมไว้ในประมาณการ) ซึ่งถือว่าสอดคล้องกับคำแนะนำของฝ่ายวิจัยบล.เอเซีย พลัส ที่แนะนำเข้าซื้อหุ้น BGRIM และ GPSC ในช่วงที่ผ่านมา จนให้ผลตอบแทนในระดับที่ดี

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนหุ้นโรงไฟฟ้า บล.เอเซีย พลัส แนะว่าในช่วงสั้นหากนักลงทุนมีหุ้นอยู่แล้วอาจจะถือไปก่อนแล้วรอหาจังหวะขายทำกำไร แต่หากนักลงทุนที่ยังไม่มีหุ้นแนะนำให้รอราคาหุ้นปรับฐานแล้วค่อยเข้าลงทุนจะปลอดภัยกว่า โดยยังเลือก GPSC และ BGRIM เป็นหุ้นน่าลงทุนระยะยาว

ทั้งหมด คือ มุมมองที่นักวิเคราะห์มีต่อหุ้นกัลฟ์ และหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า ติดตามกันต่อว่ากัลฟ์ จะมีประเด็นหรือสตอรี่อะไรใหม่ ๆออกมาอีก แต่พี/อี 91.02 เท่า ระวังกันด้วย