นายแบงก์การันตีไม่โขกดอกรูดปรื๊ด

แบงก์แจง สคบ. ไม่ได้โขกดอกเบี้ยรูดปรื๊ดอย่างโหดร้าย ชี้ผู้บริโภคเข้าใจคลาดเคลื่อน ยันกำหนดเพดาน 20% เหมาะสมแล้ว

ผู้บริหารธนาคารพาณิชย์และผู้ให้บริการบัตรเครดิตหลายแห่งยืนยันในทางเดียวกันว่า การร้องเรียนสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ของผู้บริโภค ว่า ผู้ประกอบการมีการคิดดอกเบี้ยที่สูงและมีการคิดดอกเบี้ยแบบไม่ลดต้นลดดอกเบี้ย ทั้งๆ ที่มีการชำระเงินขั้นต่ำคืนบางส่วนจน สคบ.จะเข้าหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในวันที่ 13 ธ.ค.นี้ ว่า น่าจะเป็นความเข้าใจผิดของลูกค้า เพราะระบบธุรกิจบัตรเครดิตทุกแห่งมีการคิดดอกเบี้ยตามประกาศ ธปท.

น.ส.อารยา ภู่พานิช ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า หากลูกค้ามีการใช้จ่ายรวม 1 หมื่นบาทในรอบบิล เมื่อครบกำหนดชำระ ลูกค้ามีการชำระขั้นต่ำ 4,000 บาท ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยเฉพาะในส่วนที่เหลือ 6,000 บาทเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ดอกเบี้ยดังกล่าวจะถูกคิดย้อนกลับไปในวันที่มีการใช้จ่ายเกิดขึ้น ไม่ใช่วันที่ตัดยอดบิล ซึ่งคาดว่าเป็นจุดนี้ที่ลูกค้ามักเข้าใจคลาดเคลื่อนว่ามีการคิดดอกเบี้ยที่สูงเกิน

“สาเหตุที่แบงก์ต้องคิดดอกเบี้ยย้อนกลับยังวันที่การใช้จ่ายเกิดขึ้น เพราะแบงก์ต้องไฟแนนซ์เงินในส่วนนี้ให้กับร้านค้าไปก่อนแล้ว ซึ่งถือเป็นต้นทุนทางการเงิน เมื่อครบ 45 วันแล้ว ลูกค้าไม่ได้ชำระเต็มจำนวน จึงถือได้ว่าการกู้ยืมได้เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ใช้จ่ายเกิดขึ้น” น.ส.อารยา กล่าว

ด้านนายชาติชาย พยุหนาวีชัย รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า การกำหนดเพดานดอกเบี้ยบัตรเครดิตขณะนี้ไว้ที่ 20% ไม่ถือว่าเป็นอัตราที่สูงเกินไป เนื่องจากธุรกิจบัตรเครดิตมีต้นทุนสูง โดยนอกจากการชำระค่าสินค้าล่วงหน้าให้กับผู้ถือบัตรแล้ว ยังมีต้นทุนการทำโปรโมชันและให้ส่วนลดร้านค้าต่างๆ

ปัจจุบันลูกค้าบัตรเครดิตกสิกรไทยที่ชำระเต็มวงเงิน ซึ่งธนาคารไม่คิดดอกเบี้ยมีประมาณ 45% อีก 55% ชำระขั้นต่ำ เท่ากับว่าธนาคารมีดอกเบี้ยรับจริงเพียง 11% ไม่รวมต้นทุนโปรโมชันต่างๆ ดังนั้นหากลูกค้ามีการควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดีและชำระเต็มวงเงินการใช้บัตรเครดิตถือว่าเป็นประโยชน์