เชื้อผีร้ายล้างโชซอน
เมื่อ 12 ปีที่แล้ว คือปี 2549 ในเดือน ก.ย.
โดย เพรงเทพ
เมื่อ 12 ปีที่แล้ว คือปี 2549 ในเดือน ก.ย. มีการนำเสนอข่าวจากสำนักข่าวเอเอฟพี ถึงกรณีของ นางอีแฮวอน วัย 88 ปี เจ้าหญิงจากราชวงศ์แห่งโชซอน ซึ่งล่มสลายไปตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20 หลังถูกญี่ปุ่นยึดครอง ได้ประกาศขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดินีองค์ใหม่แห่งจักรวรรดิเกาหลี
เธอเป็นบุตรสาวของเจ้าชายอีคัง พระราช โอรสองค์ที่ 5 ของจักรพรรดิโกจง และเป็นพระอนุชาของจักรพรรดิซุนจง จักรพรรดิองค์สุดท้ายของโชซอน โดยเจ้าชายอีคังมีชายาและสนมจำนวนมาก จึงมีทายาทมากกว่า 20 คน
นางอีแฮวอน อ้างว่า เธอคือบุตรสาวคนโตของเจ้าชายองค์นี้ที่ยังมีชีวิตรอดอยู่ และมีการประกาศฟื้นฟูจารีตของราชวงศ์ขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับมีข้อเรียกร้องให้ฟื้นฟูราชวงศ์ขึ้นมาใหม่ในเชิงสัญลักษณ์ เพื่อประโยชน์ทางวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว ปัจจุบันประเทศเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ต่างก็ปกครองในระบอบสาธารณรัฐมาโดยตลอดตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2
ข่าวนี้ได้ผุดขึ้นมาในหัว เนื่องจากได้ไปชมภาพยนตร์ “Rampant” (นครนรกซอมบี้คลั่ง)” ซึ่งมีเรื่องราวของราชวงศ์โชซอนที่ตกอยู่ใต้อำนาจการปกครองของราชวงศ์ชิงหรือแมนจูของจีน
แรงดึงดูดใจครั้งแรกของการอยากชมภาพยนตร์เรื่องนี้คือ เป็นการทำงานของทีมผู้สร้างภาพยนตร์ “Train to Busan” ซึ่งโด่งดังกวาดทั้งเงินรายได้และรางวัลมากมาย ทั้งที่เป็นหนังแนวซอมบี้ผีดิบตามกัดดูดเลือดจลาจลโกลาหล แต่สนุกและมีแง่คิดให้ขบอยู่ในความบันเทิงแบบสุดๆ
“Rampant” (นครนรกซอมบี้คลั่ง) มาในแบบหนังพีเรียดย้อนยุคมาผสมผสานกับหนังซอมบี้ และถือว่าเป็นการเขย่ารวมที่ลงตัวได้ดีทีเดียว หยิบเอาช่วงเวลาในประวัติศาสตร์มาแต่งแต้มเสริมเรื่องราวเข้าไปตามจินตนาการเกี่ยวกับผีดิบดูดเลือดหรือซอมบี้คืนชีพที่เป็นดังหายนะโรคระบาดที่ทำลายผู้คนและเมืองให้พินาศ
ยุคราชวงศ์โชซอน รัชสมัยพระเจ้าอีโจผู้ยึดติดกับอำนาจของตนเอง ปกครองบ้านเมืองจากบนบัลลังก์ ฟังความแต่จากเสนาบดีที่ชิดใกล้และขุนนางประจบสอพลอ มีเสนาบดีกลาโหมคิมจาจุนเป็นคนสนิท มีนางสนมโจเป็นสนมคนโปรด ที่มีความสามารถทำนายทายทักพยากรณ์
การอัตวินิบาตกรรมของพระราชโอรสหรือองค์รัชทายาทอีชอง ในการยอมรับถึงการขบถและต้องการที่จะปลดแอกออกจากการอยู่ใต้การปกครองของต้าชิงหรือจีน จดหมายลับก่อนตายส่งให้น้องชายของเขาซึ่งเป็นพระราชโอรสอีกคนที่ถูกส่งไปเป็นตัวประกันอยู่ที่จีนกับราชวงศ์ชิง กลับมากอบกู้สถานการณ์ช่วยพี่สะใภ้และลูกในท้องให้หลบหนีออกมาจากเงื้อมมือของเหล่าเสนาบดีและขุนนางชั่วที่หาทางล้มราชบัลลังก์
การนำสถานการณ์การเมืองที่เป็นศึกสงครามเย็นสามเส้าระหว่างกษัตริย์องค์ปัจจุบันที่ยอมสยบยอมกับจีน องค์รัชทายาทที่ต้องการปลดแอกจากจีน และเสนาบดีกลาโหมผู้ต้องการล้มราชบัลลังก์ตั้งราชวงศ์ใหม่ของตนและพร้อมเปิดสงครามกับจีน มาเป็นฉากหลังและเพิ่มเติมใส่การแพร่ระบาดของซอมบี้โชซอน ซึ่งเริ่มต้นมาจากเรือขายอาวุธของชาวต่างชาติและติดมาสู่ทหารโชซอนและระบาดไปทั่วเมืองท่าเจมุลโพ ก่อนที่ซอมบี้จะถูกใช้เป็นเครื่องมือปราบขบถและล้มราชบัลลังก์ในที่สุด
ว่าไปแล้วตัวภาพยนตร์โดยภาพรวมทั้งหมดทำได้ดี มีการวางโครงเรื่องอย่างสมเหตุสมผลและสร้างตัวละครและเหตุการณ์ต่างๆ ไว้รองรับอย่างเต็มที่ รวมถึงซีจีและสเปเชียลเอฟเฟกต์ต่างๆ ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีมาก แต่กลับไปไม่สุดดูเหมือนความรู้สึกปลอมๆ ไม่พุ่งเข้าสู่ภายในให้เกิดความรู้สึกร่วมสักเท่าไหร่นัก ทั้งที่ว่าไปแล้วประเด็นของเรื่องคือเรื่องการเมืองหนักๆ และความพยายามสร้างกฎระเบียบของสังคมใหม่กันเลยทีเดียว
เมื่อมาสังเกตตรงจุดนี้ก็จะพบว่าเพราะตัวละครทุกตัวมีมิติที่แบนเกินไป แม้ว่าตัวละครเอกจากองค์ชายเจ้าสำราญที่สถานการณ์นำพาจนกลายเป็นคนกอบกู้ราชบัลลังก์ไปในที่สุด รวมถึงตัวละครที่อยู่รายรอบไม่สะท้อนให้เห็นความผูกพันหรือความรู้สึกที่มีต่อกันแต่หนหลัง
คำที่ปะทะกันระหว่างขุนนางนักรบที่จงรักภักดีที่พูดก่อนตายว่า “ประชาชนจะอยู่ได้ ต้องมีพระราชา” แต่องค์ชายกลับตระหนักและได้สำเหนียกค้นพบด้วยตัวเองได้ว่า “พระราชาจะอยู่ได้ ต้องมีประชาชน” พร้อมกับบอกทุกคนว่า “ไม่ต้องรอใครอีกแล้ว พวกเจ้าต้องช่วยตัวเอง ช่วยกันกู้ราชอาณาจักร”
ประวัติศาสตร์ของเกาหลีในช่วงนี้ก็คือ รัชสมัยพระเจ้าอินโจ ทรงเป็นกษัตริย์องค์ที่ 16 แห่งราชวงศ์โชซอน ทรงได้รับราชบัลลังก์มาจากการยึดอำนาจของฝ่ายตะวันตก หรือ
ซออิน จากองค์ชายควางแฮ
ในรัชสมัยของพระเจ้าอินโจ ขุนนางฝ่ายตะวันตกขึ้นมามีอำนาจ และเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่มีความเปลี่ยนแปลงของจีนจากราชวงศ์หมิงสู่ราชวงศ์ชิง พระเจ้าอินโจและขุนนางฝ่ายตะวันตกดำเนินนโยบายสนับสนุนราชวงศ์หมิงและต่อต้านราชวงศ์ชิง จนเป็นเหตุให้เกิดการรุกรานเกาหลีของแมนจูสองครั้ง ซึ่งผลออกมาอาณาจักรโชซอนพ่ายแพ้ต่อพวกแมนจูและตกเป็นรัฐบรรณาการของราชวงศ์ชิง
เพราะฉะนั้นสัญญะในภาพยนตร์เรื่องนี้ที่สอดแทรกให้ตีความจึงถูกแกะออกมาง่ายมาก โดยเฉพาะเรือของชาวต่างชาติที่เข้ามาค้าอาวุธปืนทันสมัย ซึ่งนำพาเชื้อผีร้ายหรือซอมบี้ ผีดิบที่เป็นโรคระบาดแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งมีที่มาจากชาวตะวันตก และเหล่าผู้คิดล้มล้างราชบัลลังก์ก็รับเชื้อผีร้ายนี้มาเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในผลประโยชน์ของตัวเอง สุดท้ายก็ควบคุมไม่อยู่ต้องถูกกลืนกินและตกเป็นพวกเดียวกับมัน ก่อนที่จะถูกกำจัดในที่สุด
หากมองให้ลึกลงไป มีเรื่องราวของการวิพากษ์การเมืองและกฎระเบียบใหม่ที่จะล้มล้างของเก่าอยู่ในระดับที่เข้มข้นอยู่พอสมควร ซึ่งมีมุมคิดแบบชาตินิยมแทรกไว้แต่ซ่อนได้แนบเนียน
สรุปแล้วภาพยนตร์เรื่องนี้สนุกและจบลงด้วยความสุข ส่วนจะอิ่มเอมหรือไม่ก็ขึ้นแล้วแต่ใครจะเลือกเสพในมุมไหน เพราะภาพยนตร์เรื่องนี้มีให้เลือกทั้งมุมการเมือง ประวัติศาสตร์ ผีดิบซอมบี้ที่เป็นสัญลักษณ์ และความบันเทิงที่ระดมใส่อย่างเต็มที่