posttoday

กสทช.ดีเดย์ครั้งแรกเปิดประมูลดาวเทียมมิ.ย.นี้

22 มีนาคม 2564

กสทช.แจงไทม์ไลน์ ประมูลดาวเทียมครั้งแรกของไทยกลางปีนี้ ชี้ผ่อนเกณฑ์หั่นราคาขั้นต่ำถูกลง หวังให้ผู้ประกอบการหน้าใหม่ร่วมวงมากขึ้น มั่นใจปรับจากระบบสัมปทานสู่ใบอนุญาต สร้างความเป็นธรรมทุกฝ่าย

พล.อ.ท. ดร.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ รองเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (รองเลขาธิการ กสทช.) กล่าวว่า วันนี้ (22 มีนาคม 2564) สำนักงาน กสทช. ได้จัดให้มีการรับฟังความเห็นสาธารณะ ต่อ (ร่าง) ประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้สิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมในลักษณะจัดชุด (Package) เป็นครั้งที่ 2 หลังจากที่ได้เคยเปิดรับฟังมาแล้วเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2563 เพื่อให้ร่างประกาศฯ มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น เนื่องจากมีการปรับปรุงหลักเกณฑ์ดังกล่าวในประเด็นสำคัญๆ หลายประเด็น

สำหรับสาระสำคัญของร่างหลักเกณฑ์ที่มีการปรับปรุงคือ การปรับคุณสมบัติของผู้ขอรับอนุญาต โดยเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายใหม่ที่มีความพร้อมสามารถเข้ามาในอุตสาหกรรมนี้ได้ ซึ่งจะทำให้เกิดการแข่งขัน และการปรับลดราคาขั้นต่ำลงให้สอดคล้องกับการประกอบธุรกิจจริง ส่งผลให้มีการปรับลดราคาขั้นต่ำของการประมูลลงบางชุด ได้แก่ ชุดที่ 1 ซึ่งประกอบด้วย วงโคจร 50.5E (ข่ายงาน C1, N1 และ P1R) และ วงโคจร 51E (ข่ายงาน 51) ปรับราคาขั้นต่ำจาก 728.20 ล้านบาท เป็น 676.92 ล้านบาท

และชุดที่ 3 ที่ประกอบด้วย วงโคจร 119.5E (ข่ายงาน IP1, P3 และ LSX3R) และ วงโคจร 120E (ข่ายงาน 120E) จาก ปรับราคาขั้นต่ำจาก 745.57 ล้านบาท เป็น 392.95 ล้านบาท สำหรับชุดที่ 2 และชุดที่ 4 ไม่มีการปรับราคาขั้นต่ำ โดยชุดที่ 2 ประกอบด้วย วงโคจร 78.5E (ข่ายงาน A2B และ LSX2R) ราคาขั้นต่ำอยู่ที่ 366.49 ล้านบาท และชุดที่ 4 ที่ประกอบด้วย วงโคจร 126E (ข่ายงาน 126E) และ วงโคจร 142E (ข่ายงาน G3K และ N5) ราคาขั้นต่ำอยู่ที่ 364.69 ล้านบาท

ในส่วนของค่าธรรมเนียมการอนุญาตให้ใช้สิทธิรายปี จำนวน 0.25 % ของรายได้ก่อนหักค่าใช้จ่าย รวมทั้งค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม ไม่เกิน 1.5 % และ ค่าธรรมเนียม USO จำนวน 2.5 % นั้นยังคงเป็นอัตราเดิมตามร่างประกาศ

ส่วนวิธีการคัดเลือกนั้น ยังคงกำหนดวิธีการคัดเลือกเป็น 2 ขั้นตอน โดยขั้นตอนที่ 1. พิจารณาข้อเสนอด้านประสบการณ์และความสามารถในการดำเนินการ ขั้นตอนที่ 2. การพิจารณาข้อเสนอด้านราคา โดยมีการปรับจากเดิมที่กำหนดให้เป็นรูปแบบของการยื่นข้อเสนอด้านราคาในรูปแบบผลประโยชน์ส่วนเพิ่มสูงสุดทีละรอบของแต่ละชุดข่ายงานดาวเทียม (Sealed Bid) เป็นการยื่นข้อเสนอการประมูลในชุดข่ายงานดาวเทียมพร้อมกันทั้ง 4 ชุด (Simultaneous Auction) เพื่อเปิดโอกาสให้มีการแข่งขันได้ในทุกชุด และป้องกันการการสมยอมในการเสนอราคา (ฮั้วประมูล)

นอกจากนั้น ยังมีการปรับระยะเวลาและเงื่อนไขในการอนุญาตให้มีความชัดเจน โดยเฉพาะในชุดที่ 2 ข่ายงาน A2B ที่เป็นของดาวเทียมไทยคม 5 เดิม โดยที่ผู้ประกอบการรายใหม่จะต้องไม่ส่งผลกระทบหรือรอนสิทธิข่ายงานที่ดาวเทียมไทยคม 6 และ 8 ใช้อยู่เนื่องจากอยู่ในวงโคจร (Slot) 78.5E เดียวกัน และเงื่อนไขระยะเวลาที่จะได้รับสิทธิในชุดที่ 3 ข่ายงาน IP1 จะได้รับหลังจากอายุวิศวกรรมของดาวเทียมไทยคม 4 (IP Star) สิ้นสุด เพื่อไม่ให้ผู้ชนะในการประมูลครั้งนี้โดนรอนสิทธิหรือมีปัญหาสัญญาทางปกครองเช่นเดียวกับทีวีดิจิทัลที่ผ่านมา โดยมุ่งหวังที่ให้สามารถมีผู้ได้รับการอนุญาตทั้ง 4 ชุด เพื่อที่จะได้รักษาไว้ซึ่งสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรของประเทศไทย

อย่างไรก็ตามหลังจากการรับฟังความคิดเห็นในวันนี้แล้ว สำนักงานฯ จะนำความคิดเห็นที่ได้รับมาปรับปรุงร่างประกาศเพื่อให้มีความสมบูรณ์ และจะเสนอ กสทช. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบในปลายเดือน เม.ย. นี้ หากกสทช.เห็นชอบก็จะสามารถนำไปประกาศลงในราชกิจจาฯได้ภายในเดือนพ.ค.จากนั้นจะเปิดให้ผู้สนใจมายื่นขอรับอนุญาตได้ในเดือน มิ.ย. และหลังจากผ่านการพิจารณาประกาศรายชื่อผู้ที่ผ่านเกณฑ์ประสบการณ์แล้ว คาดว่าจะสามารถเข้ามายื่นข้อเสนอด้านราคาหรือประมูลได้ภายในปลายเดือน มิ.ย.หรือ ต้นเดือน ก.ค. ซึ่งนั่นจะทำให้เราสามารถเปลี่ยนผ่านธุรกิจดาวเทียมจากระบบสัมปทานมาสู่ระบบใบอนุญาตได้อย่างเป็นรูปธรรม ได้ก่อนที่จะสิ้นสุดสัญญาสัมปทานในวันที่ 10 ก.ย. 2564 นี้