posttoday

เอ็กโก กรุ๊ป โชว์ไตรมาส 3 กำไรแตะ 2,800 ล้านบาท ลุยขยายพอร์ตเสริมทัพพลังงาน

12 พฤศจิกายน 2563

เอ็กโก กรุ๊ป ชี้โรงไฟฟ้าต่างประเทศดันรายได้สร้างกำไรต่อเนื่อง แม้ภาพรวม 9 เดือน โควิดยังกดกำไรน้อยลง เตรียมยื่นกกพ.ขอนำเข้าแอลเอ็นจี 2 แสนตันป้อนโรงไฟฟ้าในประเทศ

นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3  ปี 2563 บริษัทมีกําไรจากการดำเนินงาน (ไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี การด้อยค่าของสินทรัพย์ การวัดมูลค่าเครื่องมือทางการเงิน และการรับรู้รายได้แบบสัญญาเช่า) จำนวน 2,839 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยสาเหตุหลักมาจากผลประกอบการที่เพิ่มขึ้นของโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ ได้แก่ โรงไฟฟ้าไซยะบุรี โรงไฟฟ้าพาจู โรงไฟฟ้าซานบัวนาเวนทูรา และโรงไฟฟ้าเคซอน เป็นต้น

หากพิจารณาผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 2563 บริษัทมีกําไรจากการดำเนินงาน จำนวน 7,641 ล้านบาท ลดลง 432 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เป็นผลให้หลายประเทศมีแนวโน้มการใช้ไฟฟ้าที่ลดลงก็ตาม

สำหรับโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง 3 โครงการ มีความก้าวหน้าตามแผนงาน ประกอบด้วยโครงการโรงไฟฟ้า 2 โครงการ ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่งทะเล “หยุนหลิน” ในไต้หวัน ก่อสร้างแล้วเสร็จ 61% ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในไตรมาสที่ 3 ปี 2564 โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ “น้ำเทิน 1” ใน สปป.ลาว ก่อสร้างแล้วเสร็จ 78% ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในไตรมาสที่ 2 ปี 2565

นอกจากนี้ ยังมีโครงการธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง 1 โครงการ ได้แก่ โครงการขยายระบบขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ ก่อสร้างแล้วเสร็จ 50% ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการในไตรมาสที่ 4 ปี 2564

เอ็กโก กรุ๊ป โชว์ไตรมาส 3  กำไรแตะ 2,800 ล้านบาท ลุยขยายพอร์ตเสริมทัพพลังงาน

นายเทพรัตน์ กล่าวว่า บริษัทฯเตรียมยื่นขอใบอนุญาตประกอบกิจการจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ (Shipper) ต่อคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) โดยจะนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว(แอลเอ็นจี) เพื่อนำมาใช้ในโรงไฟฟ้าของกลุ่มบริษัท ในปริมาณ 2แสนตันต่อปี  ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนเชื้อเพลิง ทำให้สามารถแข่งขันได้มากขึ้นด้วย

ด้านความคืบหน้าในการลงทุนในธุรกิจ Smart Energy Solution ในฐานะผู้ให้บริการด้านนวัตกรรมพลังงานอย่างครบวงจร ได้แก่ โครงการพัฒนา “นิคมอุตสาหกรรมเอ็กโกระยอง” ปัจจุบันโครงการผ่านการประเมินการวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) เรียบร้อยแล้ว และได้รับการอนุมัติจากการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ให้สามารถจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมเอ็กโกระยอง ลักษณะ Smart Industrial Estate  ที่จ.ระยอง พื้นที่ประมาณ 600 ไร่ แล้ว โดยจะเข้าสู่กระบวนการลงนามสัญญาอย่างเป็นทางการกับ กนอ.ต่อไป คาดว่าจะใช้ระยะเวลาพัฒนาพื้นที่และระบบสาธารณูปโภค ภายใน 2 ปี และสามารถเปิดให้บริการได้ภายในปี 2565

“ในฐานะซีอีโอใหม่ ผมมองเป้าหมายเรื่องการมาต่อยอดและสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องให้กับเอ็กโก กรุ๊ป โดยใช้จุดแข็งและศักยภาพที่บริษัทมีอยู่แล้วในการขยายการลงทุนทั้งธุรกิจผลิตไฟฟ้าและธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง รวมทั้งแสวงหาโอกาสขยายธุรกิจไปยังธุรกิจเชื้อเพลิงและระบบสาธารณูปโภคเพิ่มเติม เพื่อให้แข่งขันได้ในสภาพเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไฟฟ้าในปัจจุบัน” นายเทพรัตน์ กล่าว