posttoday

“โจ ไบเดน” สร้างความเชื่อมั่นเศรษฐกิจ

09 พฤศจิกายน 2563

“โจ ไบเดน” สร้างเสถียรภาพการเมืองสหรัฐฯ ส่งผลบวกการลงทุนในตลาดการเงินตลาดทุนและความเชื่อมั่นเศรษฐกิจ

นายอนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการและผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนานโยบายสาธารณะ สำนักนายกรัฐมนตรี และ อดีตกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสภาวิจัยแห่งชาติ สาขาเศรษฐศาสตร์ ประเมินถึง ผลของนโยบายประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่มีต่อเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจภูมิภาค เศรษฐกิจไทยและตลาดการเงิน ว่า ในเบื้องต้น ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีแสดงให้เห็นว่า “โจ ไบเดน” ชนะ ประธานาธิบดีโดนัล ทรัมป์ และแสดงสุนทรพจน์เพื่อสร้างความสมานฉันท์ปรองดองกับผู้สนับสนุนโดนัล ทรัมป์และประกาศเยียวยาสังคมแบ่งแยกแตกแยกในช่วงที่ผ่านมา ความรุนแรงทางการเมืองไม่น่าจะเกิดขึ้นหรือถูกจำกัดวง สร้างความชัดเจนการเปลี่ยนผ่านอำนาจอย่างสันติและสร้างเสถียรภาพทางการเมืองสหรัฐฯ ภาวะดังกล่าวจะส่งผลบวกอย่างยิ่งต่อการลงทุนในตลาดการเงินและความเชื่อมั่นการลงทุนและเศรษฐกิจในระยะสั้น

นอกจากนี้ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯยังส่งสัญญาณชัดเจนเรื่องการควบคุมการแพร่ระบาดโรค Covid-19 คาดว่า ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์และสาธารณสุขจะมีบทบาทเพิ่มขึ้นในระดับนโยบายเพื่อแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรค Covid-19 จะมีการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของ Covid-19 เชิงรุกซึ่งน่าจะทำให้สถานการณ์การติดเชื้อคลี่คลายในทางที่ดีขึ้น ส่งผลดีทางเศรษฐกิจ ลดความเสี่ยง lockdown รอบสองในสหรัฐฯ ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯฟื้นตัวเร็วกว่ายุโรปมากเนื่องจากยุโรปต้องเผชิญการ Lockdown และ การระบาดระลอกสอง

นายอนุสรณ์ วิเคราะห์ถึงนโยบายของว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนและคณะ ว่า มีผลต่อเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจภูมิภาค เศรษฐกิจไทยและตลาดการเงิน รวมทั้งธุรกิจอุตสาหกรรมต่างๆหลากหลายลักษณะ แต่โดยภาพรวมเป็นผลบวกต่อเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะภูมิเอเชีย ทีมงานของคณะผู้บริหารทำเนียบข่าวชุดใหม่จะมีแนวคิดทางการเมืองและเศรษฐกิจแบบเสรีนิยมผสมสังคมนิยมประชาธิปไตยอ่อนๆ ถือเป็นกลุ่มผู้นำทางการเมืองสายกลางค่อนมาทางซ้าย กรอบความคิดและจุดยืนในประเด็นต่างๆของ “โจ ไบเดน” สะท้อนว่า การเผชิญทางการเมือง เศรษฐกิจและทางการทหารในภูมิภาคต่างๆทั่วโลกจะลดลง โลกจะมีสันติภาพมากขึ้น ระบบการค้าเสรีของโลกภายใต้ข้อตกลงแบบพหุภาคีจะกลับมามีบทบาทมากขึ้น TPP (Trans-Pacific Partnership) จะถูกรื้อฟื้นอีกครั้งหนึ่ง

สำหรับเรื่องการตัดจีเอสพีต่อสินค้าไทยสมัยโดนัล ทรัมป์นั้น นายอนุสรณ์ เชื่อว่า ทางการไทยสามารถยื่นขอให้ทบทวนให้ได้รับสิทธิกลับคืนมาได้ ด้วยการนำเรื่อง สิทธิแรงงาน สิทธิมนุษยชนและประเด็นสิ่งแวดล้อมและการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาตามมาตรฐานสากลเป็นข้อแลกเปลี่ยนได้ อย่างไรก็ตาม ผลกระทบทางลบต่อภาคส่งออกไทยและเศรษฐกิจไทยโดยรวมไม่มากนักจากการตัดสิทธิจีเอสพีของสหรัฐฯต่อสินค้าไทยครั้งล่าสุด เพราะอัตราการขยายตัวภาคส่งออกไทยไปสหรัฐฯยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องและน่าจะเพิ่มอีกในยุคประธานาธิบดีโจ ไบเดน ขณะที่สินค้าไทยที่เป็นคู่แข่งกับจีน การเติบโตอาจลดลงบ้าง

นายอนุสรณ์ กล่าวอีกว่า เงินดอลลาร์อ่อนลง ค่าเงินภูมิเอเชียแข็งค่าขึ้น 2-3 ว้นที่ผ่านมา โดยเงินบาทแข็งค่ามากที่สุดรองลงมาจากค่าเงินรูเปียห์อินโดนีเซีย และ มีแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่องจากการเกินดุลการค้าเพิ่มขึ้น กระแสเม็ดเงินระยะสั้นเก็งกำไรไหลเข้าตลาดการเงินของไทย แนวโน้มการไหลเข้าของเงินทุนระยะสั้นและการซื้อสุทธิของนักลงทุนสถาบันต่างชาติยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง

นอกจากนี้ “โจ ไบเดน” น่าจะทำให้ CPTPP ลดความสำคัญลง และ จะมีรื้อฟื้น TPP ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการค้าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค แต่ “ไทย” จะได้รับประโยชน์อย่างจำกัดเพราะ “ไทย” ยังไม่ได้เป็นสมาชิกของข้อตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจและการค้าทั้งสองเวที จึงขอเสนอให้ “สำนักผู้แทนการค้าไทย” และ “กระทรวงพาณิชย์” เร่งรัดเข้าสู่การเจรจาเพื่อเข้าเป็นสมาชิก TPP หากมีการรื้อฟื้นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง