posttoday

อัดแพคเกจกระตุ้นลงทุนชุดใหญ่โค้งสุดท้าย ดันไทยฮับ ‘อีวี’ในภูมิภาค

04 พฤศจิกายน 2563

“บิ๊กตู่” ไฟเขียวมาตรการชุดใหญ่ กระตุ้นการลงทุนส่งท้ายปี’63 เขย่าตลาดรถอีวี หนุนไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพ ศูนย์กลางการค้า การลงทุน และเป็นฐานการผลิตที่สำคัญของโลก

น.ส.ดวงใจ อัศวจิตนจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบอร์ดบีโอไอ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบมาตรการส่งเสริมการลงทุนหลายด้าน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไทย 

ทั้งนี้เปิดให้การส่งเสริมรอบใหม่ของกิจการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) โดยในรอบนี้ เปิดให้การส่งเสริมยานพาหนะไฟฟ้าทุกประเภท ทั้งรถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถสามล้อ รถโดยสารและรถบรรทุก รวมถึงเรือที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า จากเดิมที่มีการส่งเสริมเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าและรถโดยสารไฟฟ้า

สำหรับสิทธิประโยชน์และเงื่อนไข หากมีการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้เงินลงทุนมากกว่า  5,000 ล้านบาท จะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงสุด 8 ปี โดย ผู้ลงทุนจะต้องเสนอแผนงานรวม (Package) เช่น โครงการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ โครงการผลิตแบตเตอรี่ไฟฟ้า แผนการนำเข้าเครื่องจักรและติดตั้ง แผนการผลิตในระยะ 1 – 3 ปี แผนการผลิตหรือจัดหาชิ้นส่วนอื่นๆ และแผนการพัฒนาผู้ผลิตวัตถุดิบในประเทศไทย (ที่มีคนไทยถือหุ้นข้างมาก) เป็นต้น

อย่างไรก็ตามตั้งแต่ปี 2560 - 2562 มีโครงการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้รับการอนุมัติให้การส่งเสริมฯ รวม 26 โครงการ มูลค่าการลงทุนกว่า 78,099 ล้านบาท โดยมี 7 โครงการที่มีการผลิตและจำหน่ายเชิงพาณิชย์แล้ว แบ่งเป็นประเภทกิจการ HEV (Hybrid Electric Vehicles) 3 ราย ได้แก่ นิสสัน ฮอนด้า และโตโยต้า ประเภทกิจการ PHEV (Plug-in Hybrid Electric Vehicles) 2 ราย ได้แก่ เมอร์เซเดส เบนซ์ และบีเอ็มดับเบิลยู และ ประเภทกิจการ BEV (Battery Electric Vehicles) 2 ราย ได้แก่ ฟอมม์ และ ทาคาโน

อัดแพคเกจกระตุ้นลงทุนชุดใหญ่โค้งสุดท้าย ดันไทยฮับ ‘อีวี’ในภูมิภาค

นอกจากนี้ที่ประชุมยังเห็นชอบเปิดให้การส่งเสริมการลงทุนกิจการบริการดูแลและฟื้นฟูผู้สูงอายุ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในกิจการดูแลผู้สูงอายุแบบครบวงจร รองรับการเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ในปี 2564 ได้แก่ 1. กิจการโรงพยาบาลผู้สูงอายุ และ 2. กิจการศูนย์ดูแลผู้สูงอายุหรือผู้มีภาวะพึ่งพิง รวมถึงเปิดให้ส่งเสริมกิจการวิจัยทางคลินิก (Clinical Research) โดยครอบคลุม 2 กิจการย่อย คือ กิจการสนับสนุนและบริหารจัดการการวิจัยทางคลินิก (Contract Research Organization: CRO) และศูนย์การวิจัยทางคลินิก (Clinical Research Center: CRC) โดยให้ได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปี โดยไม่จำกัดวงเงิน