posttoday

เกษตรกรเฮ!!! รัฐควัก 6.1 หมื่นล้านประกันรายได้ข้าว-ยางพารา เฟส2

03 พฤศจิกายน 2563

ครม.ไฟเขียวโครงการประกันรายได้ชาวสวนยาง-ชาวนา ระยะที่ 2 วงเงินรวม 6.1 หมื่นล้านบาท ประกันข้าวหอมมะลิสูงสุดตันละ 1.5 หมื่นบาท ขณะที่ยางแผ่นดินก.ก.ละ60 บาท มั่นใจช่วยสร้างรายได้เกษตรกร

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร จ.ภูเก็ต มีมติอนุมัติมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวและยางพาราวงเงินรวมทั้งสิ้น 61,900.82 ล้านบาท ได้แก่ สินค้าข้าว วงเงินรวม 51,858 ล้านบาทครอบคลุมเกษตรกร 2.9 ล้านครัวเรือน แบ่งเป็น โครงการประกันรายได้ปี 2563/64 มาตรการคู่ขนานและโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว

ทั้งนี้โครงการประกันรายได้กำหนดราคาและปริมาณประกันรายได้เกษตรกรเช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาประกันตันละ 15,000 บาท ปริมาณไม่เกิน 14 ตัน ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ราคาประกันตันละ 14,000 บาท ปริมาณไม่เกิน 16 ตัน ข้าวเปลือกเจ้า ราคาประกันตันละ 10,000 บาท ปริมาณไม่เกิน 30 ตัน ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ราคาประกันตันละ 11,000 บาท ปริมาณไม่เกิน 25 ตัน ข้าวเปลือกเหนียว ราคาประกันตันละ 12,000 บาท ปริมาณไม่เกิน 16 ตัน ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่เดือนต.ค.63-พ.ค. 64

สำหรับมาตรการคู่ขนานควบคู่กับโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2563/64 ได้แก่ 1. โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี (ระยะเวลาดำเนินการ 1 พ.ย.63-29 ก.พ.64) โดยนอกจากเกษตรกรจะได้รับสินเชื่อและไม่ต้องเสียดอกเบี้ยแล้ว เกษตรกรที่มียุ้งฉางจะได้รับค่าฝากเก็บตันละ 1,500 บาท กรณีสหกรณ์จะได้รับตันละ 1,000 บาท และสมาชิกจะได้รับ ตันละ 500 บาท

2.โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยสถาบันเกษตรกร (ระยะเวลาดำเนินการ 1 ต.ค.63-30 ก.ย.64 ) วงเงินรวม 15,000 ล้านบาท โดยสหกรณ์เสียดอกเบี้ย 1% และ 3.โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต๊อก ระยะเวลาดำเนินการ 1 พ.ย.63-31 มี.ค.64 ให้ผู้ประกอบการเก็บข้าวไว้ระยะเวลา 2-6 เดือน และจะได้รับชดเชยดอกเบี้ย 3 % ซึ่งจะสามารถดูดซับอุปทานในช่วงที่ข้าวเปลือกออกสู่ตลาดมากเพื่อรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก โดยมีเป้าหมายอยู่ที่ 7 ล้านตันข้าวเปลือก โดยจะส่งผลให้ราคาข้าวมีเสถียรภาพช่วยให้รัฐบาลประหยัดงบประมาณในการชดเชยตามโครงการประกันรายได้

นอกจากนี้ยังมีโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64 จะเริ่มเดือนพ.ย. 2563 เพื่อช่วยลดต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ช่วยให้เกษตรกรมีกำลังใจในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าว โดยในช่วงแรกเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการบริหารงบประมาณของรัฐบาล จะจ่ายเงินให้เกษตรกร ที่ขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64 ในรอบแรกเบื้องต้น อัตราไร่ละ 500 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 20 ไร่ ก่อน และในช่วงต่อไปจะได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และนำเสนอ ครม.เพื่อขอรับจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมต่อไป

ด้านเกษตรกรชาวสวนยาง ได้อนุมัติโครงการประกันรายได้ชาวสวนยางระยะที่ 2 วงเงิน 10,042 ล้านบาท สามารถช่วยเหลือเกษตรกรได้ 1.8 ล้านครัวเรือน พื้นที่ 18 ล้านไร่ โดยกำหนดราคาประกันรายได้ ยางแผ่นดิบ กก.ละ 60 บาท น้ำยางสด กก.ละ 57 บาท ยางก้อนถ้วย กก.ละ 23 บาทต่อก.ก. รายละไม่เกิน 25 ไร่ ให้คนกรีด 40% และเจ้าของสวน 60% ระยะเวลาดำเนินการเดือน ต.ค.63-มี.ค.64 ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้เกษตรกรมีรายได้ที่ขึ้น แม้ว่าในขณะนี้ราคายางพาราจะปรับตัวดีขึ้นมาก แต่โครงการประกันรายได้ก็ยังมีความจำเป็นเพื่อเป็นหลักประกันว่าถ้าราคาตกลงมาเกษตรกรก็จะอยู่รอดด้วยการประกันรายได้ที่ได้รับการอนุมัตินี้