posttoday

“โออิชิ” เดินหมากยุทธศาสตร์ร้านอาหารญี่ปุ่นส่งท้ายปี63 ส่งแบรนด์ “ซาคาเอะ” ปิดจ๊อบ

03 พฤศจิกายน 2563

การแตกแบรนด์ร้านอาหารใหม่ในครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์การทำธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นเครือโออิชิ ที่นำมาเติมเต็มให้ครบทุกเซ็กเมนต์ เน้นๆลูกค้าพรีเมียมโดยเฉพาะ

เป็นครั้งแรกในรอบ21 ปี ที่โออิชิ กรุ๊ป (OISHI) ผู้ดำเนินธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มสไตล์ญี่ปุ่น เปิดตัวธุรกิจร้านอาหาร ภายใต้แบรนด์ใหม่ “ซาคาเอะ” (SAKAE : The Signature Taste of Shabu Shabu and Sukiyaki) พร้อมวางตำแหน่งให้เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์หม้อไฟ ระดับพรีเมียม เพื่อจับกลุ่มเป้าหมายระดับบนโดยเฉพาะ

“โออิชิ” เดินหมากยุทธศาสตร์ร้านอาหารญี่ปุ่นส่งท้ายปี63 ส่งแบรนด์ “ซาคาเอะ” ปิดจ๊อบ

ไพศาล อ่าวสถาพร  รองกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจอาหาร บริษัทโออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)? กล่าวว่าจากการเปิดร้านอาหารแบรนด์ “ซาคาเอะ”  ในครั้งนี้ จะทำให้ธุรกิจอาหาร กลุ่มร้านอาหารญี่ปุ่น โออิชิ มีความหลากหลาย ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์

ที่สำคัญ แบรนด์ “ซาคาเอะ” จะเป็นอีกหนึ่งยุทธ์ศาสตร์ธุรกิจร้านอาหาร ที่มาเติมเต็มพอร์ทโฟลิโอ ธุรกิจอาหารในอาณาจักรร้านอาหาร เครือโออิชิ ในปัจจุบัน ด้วยสโลแกน รสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ หนึ่งเดียวของชาบู-ชาบู และ สุกี้ ญี่ปุ่น

ขณะที่ ทำเลที่ตั้งก็จะต้องเป็นระดับ “พรีเมียม โลเคชัน” เช่นกัน ด้วยร้านซาคาเอะ ตัดสินใจเลือกให้บริการสาขาแรก ที่ “ปาร์ค ไลฟ์” (Parq Life) โครงการอสังหาริมทรัพย์มิกซ์ ยูส ของบริษัท ทีซีซี แอสเซ็ทส์ จำกัด(มหาชน) อีกหนึ่งธุรกิจของตระกูลสิริวัฒนภักดี

“ร้านซาคาเอะ ที่เปิดตัวล่าสุดในตลาดพรีเมียม จะเป็นแบรนด์ที่รองรับลูกค้าที่ต้องการประสบการณ์วัตถุดิบคุณภาพ ในรูปแบบ อะลาคาร์ท มีราคาเริ่มต้นต่อชุดหมูอยู่ที่ 490 บาท และ สูงสุดสำหรับเนื้อวากิวเอโฟร์ อยู่ที่ 1,400 บาทต่อชุด” ไพศาล ขยายภาพให้ชัดขึ้น

ไพศาล บอกเหตุผลเพิ่มถึงการเปิดแบรนด์ใหม่นี้ ด้วยมองเห็นโอกาสจากกลุ่มผู้บริโภคระดับบน ที่ยังมีกำลังซื้อสูงในขณะนี้ และไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 มากนักในช่วงที่ผ่านมา และมองว่า "ซาคาเอะ" จะยังเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ธุรกิจร้านอาหารที่มีอนาคต โดยเตรียมแผนเปิดอีกไม่ต่ำกว่า 5 สาขาในปี 2564  และแน่นอนว่าจะไปใน ทำเลระดับพรีเมียม ซึ่งรวมถึงโครงการอสังหาฯในเครือทีซีซีฯ ด้วย

และ จากการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ ซาคาเอะ ยังส่งผลให้ธุรกิจอาหารเครือโออิชิ มีความหลากหลาย นับตั้งแต่ประเภท ร้านอาหารบริการด่วน (QSR) ร้านอาหารระดับกลาง ?(Casual Dining) ไปจนถึงร้านอาหารระดับบน (Fine Dining) รวมทั้งบริการจัดส่งอาหารถึงบ้าน (Home Delivery)

โดยครอบคลุมทุกตลาดทั้งใน ตลาดแมส (Mass)  อย่างแบรนด์ ชาบูชิ (Shabushi By OISHI) มีจำนวน 158 สาขา โออิชิ ราเมน จำนวน 53 สาขา  และ คาคาชิ จำนวน 22 สาขา ภายใต้งบประมาณการรับประทานอาหารต่อหัวเฉลี่ยไม่เกิน 500 บาท

ส่วนตลาดตลาดพรีเมียมแมส (Premium Mass) จะตอบโจทย์สายกิน ที่มีบัดเจ็ทต่อหัวเฉลี่ย 700+ บาท ประกอบด้วยแบรนด์ โออิชิ อีทเทอเรียม ให้บริการ 9 สาขา โออิชิ บุฟฟเต์ จำนวน 10 สาขา และ นิกุยะ จำนวน 11 สาขา

สุดท้าย กลุ่มพรีเมียม (Premium) โดยมี 2แบรนด์ในเครือโออิชิ ที่เล่นอยู่ในตลาดก่อนหน้านี้ คือ แบรนด์ โฮวยู มี 2 สาขา และ โออิชิแกรนด์ 1 สาขา โดยกำหนดงบประมาณต่อหัวเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 1,000+บาท