posttoday

"สตีล ซิตี้" เผยตลาดเหล็กไทยโค้งท้ายปี63 ยังแข่งขันสูง

31 ตุลาคม 2563

"สตีล ซิตี้" มองสถานการณ์โควิด ไร้กระทบอุตสาหกรรมเหล็กในไทย จากความต้องการยังมีสูง ลุยขยายตลาดผู้ผลิตอุปกรณ์ติดตั้งระบบท่อร้อยสายไฟ

นายเลิศพงษ์ ศรีวงศ์ทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดี.อาร์.อินดัสเตรียล จำกัด หรือ สตีล ซิตี้ (Steel City) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายท่อร้อยและอุปกรณ์ตัวยึดสายไฟเหล็กครบวงจรรวมไปถึงอุปกรณ์บ็อกซ์ไฟฟ้า เปิดเผยว่า ความต้องการในภาคอุตสาหกรรมเหล็กในประเทศไทย ยังขยายตัวในช่วงปลายปีนี้ เนื่องจากการลงทุนในโครงการระบบคมนาคม และระบบสาธารณูปโภคต่างๆ อย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แม้ว่าจะต้องเผชิญกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่การเน้นมาตรฐานคุณภาพสินค้าและบริการไว้ให้ดีที่สุด จะช่วยรักษาสถานะทางการค้าและสัดส่วนตลาดต่อไปได้อย่างแข็งแกร่ง

ส่วนแนวโน้มธุรกิจเหล็กครึ่งปีหลังของปี 2563 มีการแข่งขันสูงขึ้นอย่างมาก เพราะภาคธุรกิจหลายด้านหยุดชะงักและชะลอตัว โดยเฉพาะโครงการอสังหาริมทรัพย์ล้วนได้รับผลกระทบหนักจากสถานการณ์โรคระบาดที่สร้างผลกระทบต่อเนื่องแบบโดมิโนไปยังธุรกิจอื่นๆ กลุ่มผู้บริโภคล้วนคำนึงถึงการใช้จ่ายที่ต้องรัดกุมและคุ้มค่าที่สุด ในภาวะตลาดที่หดตัว เช่นนี้ ลูกค้ามีความคาดหวังต่อผลิตภัณฑ์และมองหาสินค้าคุณภาพสูงมากขึ้น ทำให้ผู้ผลิตต้องรักษามาตรฐานและคอยพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา”

นายเลิศพงษ์ กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจโดยมีเป้าหมายหลักที่การสร้างโครงสร้างธุรกิจให้ยั่งยืน เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์สำหรับท่อร้อยสายไฟเหล็กที่ผู้บริโภคเลือกเป็นอันดับแรกในไทย โดยตั้งเป้าสร้างรายได้ 50% มีมูลค่าประมาณ 450 ล้านบาท เป็นอย่างน้อยจากการลงทุนกว่า 250 (ล้านบาท) ในปีนี้

อย่างไรก็ตาม การแข่งขันธุรกิจที่มีความรุนแรงในเวลานี้ การสร้างศักยภาพผลิตสินค้าคุณภาพดีด้วยเครื่องจักรที่ทันสมัย เน้นเรื่องมาตรฐานสินค้าด้วยราคาสมเหตุผลเป็นเรื่องที่สำคัญ ปัจจัยเหล่านี้เป็นประเด็นที่ สตีล ซิตี้ ให้ความสำคัญมาโดยตลอด

สำหรับแนวโน้มตลาดและแผนลงทุนครึ่งปีหลังนั้น บริษัท มองหาช่องทางและโอกาสในการเจรจาธุรกิจกับคู่ค้าและสร้างพันธมิตรในด้านต่างๆ เพื่อพัฒนาสินค้าใหม่ๆในอุตสาหกรรมเหล็ก โดยให้ความสนใจในงานสถาปัตยกรรม ที่เลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่เน้นเรื่องความสวยงาม และคงทน โดยมุ่งพัฒนาผลิตเฟอร์นิเจอร์ หรือของใช้ในบ้านที่ทำจากเหล็กที่ผลิตจากโรงงานของสตีล ซิตี้ ได้อย่างครบวงจร

นายเลิศพงษ์ กล่าวว่า บริษัทมีโรงหลอมโรงฉีดและเครื่องจักรออโต้ที่มีความแม่นยำสูง ช่วยผลผลิตเพิ่มขึ้นหลายเท่าและมีความต่อเนื่องสัมพันธ์กันเป็นลูกโซ่ และในปีนี้มีแผนที่จะเพิ่มขนาดเตาให้มีขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อรองรับปริมาณความต้องการของตลาดที่มากขึ้น ซึ่งหากดูจากปริมาณการสั่งซื้อในแต่ละปีนั้น สินค้าประเภทนี้มีการเติบโตอยู่เรื่อยๆ ทุกปี เนื่องจากการลงทุนก่อสร้างในโครงการต่างๆ ภายในประเทศมีเพิ่มขึ้นและต่อเนื่อง

“ในอนาคต สตีล ซิตี้ จะเป็นผู้ผลิตงานเหล็กหลอม งานฉีด ออกแบบพิมพ์ ที่สามารถทำงานได้หลากหลายประเภท และเปลี่ยนวัสดุที่เป็นเหล็กเป็นสินค้าแปรรูปอื่นๆ ที่สามารถนำไปใช้ร่วมในชีวิตประจำวันของกลุ่มคนทั่วไปได้”

นอกจากนี้ สถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้น บริษัทมองว่าเป็นอีกหนึ่งโอกาส จากการใช้ชีวิตแบบ NewNormal ของผู้คน ที่ใช้สื่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลา ในขณะที่ความต้องการพลังงานไฟฟ้าในประเทศก็มีความต้องการสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยจะเน้นสร้างการประชาสัมพันธ์และโฆษณาแบรนด์ ให้ความรู้และสร้างความน่าเชื่อถือ ผ่านช่องทางโซเชียลเน็ตเวิร์ค ผ่านคอนเทนต์ต่างๆ ในสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ อาทิ เพจเฟซบุ๊ก Steel City Thailand และรายการ STEELMAN ของ Steel City Thailand ผ่านช่องยูทูบ เป็นต้น