posttoday

‘สิงห์ เอสเตท’ เจอพิษโควิด หั่นเป้ารายได้ลง 50 %

20 กรกฎาคม 2563

‘สิงห์ เอสเตท’ พร้อมรับมือวิกฤตโควิด เดินหน้าตามแผนธุรกิจ 5 ปี ทุ่ม 6.8 หมื่นล้านบาท มุ่งขยายสู่ตลาดอสังหาฯที่มีศักยภาพเตรียมรุก Smart M&A เสริมพอร์ตโฟลิโอ คาดท่องเที่ยวจะฟื้นตัวตาได้ในชวงไตรมาส 4

นายนริศ   เชยกลิ่น  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ “S” เปิดเผยถึง ทิศทางการดำเนินธุรกิจกลุ่มสิงห์ เอสเตท ในช่วงครึ่งปีหลังว่า สถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ ยังได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19  โดยบริษัทฯ ยังเดินหน้าลงทุนตามแผนธุรกิจเดิมระยะเวลา 5 ปี(2020-2024) งบลงทุน 6.8 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปในปัจจุบัน บริษัทฯได้ปรับเป้ารายได้รวมในปี 2020 ลดลงประมาณ 50% โดยคาดการณ์ว่าในไตรมาสที่ 4 ธุรกิจโดยรวมจะสามารถฟื้นตัวได้

บริษัทฯจะเดินหน้าขยาย 3 ธุรกิจหลักตามแผนได้แก่ธุรกิจที่พักอาศัยและอาคารสำนักงาน จะขยายไปยังทำเลใหม่ๆตอบโจทย์ New Normal  ด้วยรูปแบบธุรกิจ New Living and Working Cluster  ส่วนธุรกิจโรงแรมจะสร้างรายได้เพิ่มพร้อมมองหาพันธมิตรที่เหมาะสมด้วยกลยุทธ์ Smart M&A และ Asset Light Model  ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ธุรกิจฟื้นตัวได้เร็วแล้ว ยังสามารถช่วยเหลือผู้ประกอบการให้ผ่านวิกฤตไปด้วยกัน

สำหรับการลงทุนตามแผนเดิม 5 ปี ด้วยงบ  6.8 หมื่นล้านบาท  นั้นในส่วนของธุรกิจที่พักอาศัยปัจจุบันมีสินค้าคงเหลือเพียง 1,000-2,000 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในระดับที่จัดการได้ จึงทำให้สามารถใช้นโยบายการขายในรูปแบบที่จะช่วยรักษาระดับอัตรากำไรของโครงการได้ โดยในครึ่งปีหลังโครงการ THE ESSE Sukhumvit 36 ซึ่งมีมูลค่าโครงการกว่า 6,500 ล้านบาทด้วยยอดขายราว 60%จะก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ได้ในไตรมาส 3 นี้

‘สิงห์ เอสเตท’ เจอพิษโควิด หั่นเป้ารายได้ลง 50 %

นอกจากนี้ บริษัทฯ คาดว่าจะเปิดโครงการใหม่ 3 - 4 โครงการในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเน้นโครงการแนวราบ ส่วนปีต่อๆไป ยังคงเป้าหมายเดิมที่ 5-7 โครงการต่อปี   ด้านธุรกิจอาคารสำนักงานและพื้นที่ค้าปลีกยังคงตั้งเป้าขยายพื้นที่สำนักงาน  300,000 ตารางเมตร(ตร.ม.)  ในระยะเวลา 5 ปี

ส่วนธุรกิจโรงแรมในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ต่อเนื่องถึงต้นปี2564จะเน้นการกระตุ้นยอดขายตลาดนักท่องเที่ยวในประเทศ และประเทศในกลุ่มภูมิภาคเดียวกัน (Inter region ) โดยมีแผนลงทุนในกลุ่มเอเชียแปซิฟิก ที่มีศักยภาพสูง ตั้งเป้าขยายธุรกิจจาก 39 โรงแรมเป็น 80 โรงแรม ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ใน 5 ปี

นายนริศ กล่าวว่าบริษัทฯยังมีแผนขยายการพัฒนาโครงการที่พักอาศัยและอาคารสำนักงานไปในทำเลรอบเมือง และพัฒนารูปแบบธุรกิจใหม่ ภายใต้คอนเซปต์ “New Living and Working” เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงความต้องการของกลุ่มลูกค้าในอนาคต  โดยเฉพาะตามการขยายตัวของระบบขนส่งมวลชนและโครงข่ายถนน ซึ่งจะเป็นโครงการแนวราบในรูปแบบมิกซ์ยูส อันประกอบไปด้วย บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม รีเทล ออฟฟิศแนวราบ  ตลอดจนโครงการที่อยู่อาศัยแบบ Wellness จะเป็นสิ่งใหม่ๆ ที่มีโอกาสเกิด

นายเดิร์ก อังเดร ลีน่า คุยเบอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การท่องเที่ยวจะค่อยๆ ฟื้นตัวในไตรมาส 4 ของปีนี้ เริ่มจากในประเทศไทย และกลุ่มประเทศที่มีระบบสาธารณสุขที่ดี ซึ่งในช่วงวิกฤตแม้ว่าธุรกิจโรงแรมจะได้รับผลกระทบมาก แต่โอกาสทางธุรกิจก็ปรากฎชัดเจนมากขึ้นเช่นกัน บริษัทฯ ยังคงดำเนินการตามกลยุทธ์ Smart M&A โดยมุ่งลงทุนโรงแรมที่อยู่ในแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมปรับปรุงเพิ่มศักยภาพให้กับ Asset 

‘สิงห์ เอสเตท’ เจอพิษโควิด หั่นเป้ารายได้ลง 50 %

ตลอดจนการ Recycle Capital ผ่านการขายโรงแรมเข้ากอง REIT หรือผู้ซื้อที่ให้มูลค่าที่ดี รวมถึงการดำเนินกลยุทธ์ Asset Light Model ที่จะสร้างรายได้เพิ่มจากการรับจ้างบริหารโรงแรมผ่าน Home Grown Brand ซึ่งขณะนี้มีความคืบหน้าไปมากแล้ว และคาดว่าจะเริ่มได้อย่างจริงจังในช่วงปีนี้ต่อเนื่องปีหน้า ปัจจุบันนี้ SHR ได้พัฒนาแบรนด์ SAii เป็นแบรนด์โรงแรมแรกของบริษัทฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“SHR ตั้งเป้าที่จะขยายจำนวนโรงแรมเป็น 2 เท่า จาก 39 แห่ง ทั่วโลกในปัจจุบัน เป็น 80 แห่ง ภายในเวลา 5 ปีโดยมุ่งเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวในระดับบน (Upper Upscale Segment) และมอบประสบการณ์การพักผ่อน ในรูปแบบที่แตกต่างและสร้างสรรค์ให้กับลูกค้า นอกจากนี้ SHR ได้พัฒนาแบรนด์ใหม่ที่จะเปิดตัวในเร็วๆนี้ เป็นโมเดลธุรกิจในแบบ Asset Light Model ที่จะช่วยสร้างรายได้ประจำให้มากขึ้น และเพิ่มการเติบโตของพอร์ตโฟลิโอ โดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนสูง”