posttoday

'ลาซาด้า เอ็กซ์เพรส' กับภาระกิจใคร(ส่ง)เร็วกว่า คนนั้นชนะ!!

12 ธันวาคม 2562

วางเป้าหมายทุบสถิติส่งสินค้า 1.5 ล้านชิ้น ในแคมเปญ 12.12 ปี63 ของต้องถึงมือลูกค้าในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ภายใน 0.8 วัน ส่วนปีหน้าวางเป้าต้องได้สินค้าภายใน 0.7 วัน

วางเป้าหมายทุบสถิติส่งสินค้า 1.5 ล้านชิ้น ในแคมเปญ 12.12 ปี63 ของต้องถึงมือลูกค้าในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ภายใน 0.8 วัน ส่วนปีหน้าวางเป้าต้องได้สินค้าภายใน 0.7 วัน

ธุรกิจอีคอมเมิร์ซใน ประเทศไทย ปัจจุบัน มีสัดส่วนประมาณ 2-3% ของภาพรวมค้าปลีกมูลค่า 3 ล้านล้านบาท หรือ มูลค่าราว 2-3 แสนล้านบาท และแน่นอนว่าจะยังเป็นตลาดค้าปลีกออนไลน์ที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ตามแนวโน้มพฤติกรรมการจับจ่ายซื้อสินค้าของผู้บริโภคคนรุ่นใหม่

ทำให้ผู้ให้บริการแพล็ตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รายใหญ่แบรนด์ดังต่างๆ โหมการทำแคมเปญการตลาดอย่างหนักเพื่อหวังเป็นแพล็ตฟอร์มชอปปิงออนไลน์เบอร์หนึ่งในใจนักช้อปชาวไทย ผ่านแคมเปญการตลาด 'Double Date'ตัวเลขคู่สวย ที่ออกมาอย่างต่อเนื่องทุกเดือนในไตรมาสสุดท้าย เริ่มตั้งแต่แคมเปญ 9.9 เดือนกันยายน แคมเปญ 10.10 เดือนตุลาคม และ แคมเปญฉลองวันคนโสด 11.11 ในเดือนพฤศจิกายน ที่ผ่านมา

ล่าสุดมาถึงวันที่เหล่านักชอปออนไลน์ที่พลาดจากแคมเปญครั้งก่อน ต่างเฝ้าเก็บคูปองส่วนลด รอแคมเปญใหญ่ส่งท้ายปี "12.12" ที่แพล็ตฟอร์มอีคอมเมิร์ซล้วนต่างๆ เปิดรับออเดอร์กันตั้งแต่ในเวลา 24.01 น. ที่ผ่านมา เพื่อฉกกำลังซื้อออนไลน์ในช่วงส่งท้ายปี 2562

อย่างไรก็ตาม นอกจากกลยุทธ์การแจกคูปองส่วนลดของร้านค้า (Sellers) ที่แต่ละแพล็ตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ปล่อยออกมาดึงดูดกลุ่มลูกค้าก่อนหน้านี้แล้ว และจากการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นทำให้เจ้าของแพล็ตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ต้องหันมาโฟกัสกลยุทธ์งานด้านการบริการมากขึ้น เพื่อรับมือกับความคาดหวังของนักช้อปออนไลน์ที่ต้องการ "รับสินค้าเร็วขึ้น" ที่เริ่มนับจากวินาทีที่กดสั่งซื้อ

ล่าสุด บริษัท ลาซาด้า ประเทศไทย ร่วมกับ ลาซาด้า เอ็กซ์เพรส เปิดศูนย์คัดแยกสินค้า (Lazada Express SSW Sortation Centre) ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากปัจจุบันตั้งอยู่ใน 5 ประเทศ คือ ไทย, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, มาเลเซีย และ เวียดนาม

สุทธิโรจน์ ทรัพย์สมบัติ ผู้จัดการอาวุโส ศูนย์คัดแยกสินค้า ลาซาด้า เอ็กซเพรส ประเทศไทย กล่าวถึงศูนย์ฯ ใช้งบลงทุนไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ในประเทศไทย และยังรวมถึงการจัดส่งสินค้า Cross Border กลุ่มสินค้าที่ถูกนำส่งมาจากประเทศจีน ผ่านระบบและขั้นตอนการจัดส่งที่แม่นยำและรวดเร็วยิ่งขึ้น

โดยเฉพาะในช่วงแคมเปญ 12.12 ของลาซาด้า ประเทศไทย ทีส่วนหนึ่งยังมุ่งกลยุทธ์การจัดส่งสินค้าให้ถึงมือลูกค้า (ในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล) ได้ภายใน 0.8 วัน เพื่อรองรับแคมเปญ "Lazada 12.12 แกรนด์เซล ส่งท้ายปี"

สำหรับศูนย์คัดแยกฯ ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 35,000 ตร.ม. ในย่านสุขสวัสดิ์ จังหวัดสมุทรปราการ ที่มีการนำเทคโนโลยีระบบคัดแยกสินค้าอัตโนมัติหลากหลายรูปแบบที่ทันสมัย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการคัดแยกสินค้า ส่งผลให้มีกำลังในการคัดแยกสินค้าสูงขึ้น 60% เทียบกับช่วงที่ผ่านมา โดยรองรับการคัดแยกสินค้าได้จำนวน 3.6 หมื่นล้านชิ้น/6โซน/ชั่วโมง

และในช่วงช่วงแคมเปญ 12.12 (ระหว่างวันที่ 13-18 ธค.) ศูนย์ฯยังได้เพิ่มหน่วยรถรับส่งสินค้าเป็น 30 คันต่อวัน จากในช่วงวันปกติอยู่ที่ 12 คันต่อวัน เพื่อรองรับจำนวนสินค้าที่จะเข้ามายังศูนย์ฯตลอดช่วงแคมเปญฯ ไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้านชิ้น

ทั้งนี้ หากเป็นไปตามคาดการณ์ จำนวนสินค้าดังกล่าวจะยังทุบสถิติจากแคมเปญ 11.11 ซึ่งมีจำนวนสินค้าอยู่ที่ 300,000 ชิ้น จากในช่วงปกติมีสินค้าอยู่ที่ประมาณ 100,000 ชิ้น

พร้อมกันนี้ ศูนย์ฯ ยังได้ขยายเวลาในการคัดแยกสินค้าแบบ 24 ชั่วโมง จากปกติแบ่งการทำงานออกเป็น 3 กะ คือ รอบเช้าเวลา 8.00 น. รอบบ่ายเวลา 15.00 น. และรอบค่ำเวลา 19.00 น. เพื่อให้การคัดแยกสินค้ามีความพร้อมส่งถึงมือลูกค้าได้อย่างรวดเร็วตามเป้าหมายที่วางไว้ในปีนี้ คือ ภายใน 0.8 วัน สำหรับการจัดส่งสินค้าในพื้นที่กรุงเทพฯ

นอกจากนี้ ยังได้เพิ่มเจ้าหน้าที่คัดแยกสินค้าอีก 700 คน จากปกติมีสตาฟฟ์อยู่ที่ 900 คน โดยขั้นตอนการรับส่งสินค้าจะแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบง คือ รับสินค้าโดยตรง ร้านค้าส่งสินค้าไปยังจุดรับสินค้า 60 แห่งที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ และ ร้านค้านำส่งสินค้าผ่านตัวแทน ซึ่งปัจจุบันลาซาด้าฯ มีพันธมิตรธุรกิจโลจิสติกส์ 3 รายหลัก คือ Kerry ดูแลพื้นที่จัดส่งสินค้าในกรุงเทพฯ ปริมณฑล ส่วน DHL และ CJX จัดส่งสินค้าในพื้นที่ต่างจังหวัด

สุทธิโรจน์ กล่าวว่าในปี 2563 ลาซาด้า เอ็กซ์เพรสฯ วางเป้าหมายการจัดส่งสินค้าให้ถึงมือลูกค้าในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ให้ได้ภายใน 0.7 วัน จากในปี 2561 ที่ผ่านมา ลาซาด้า เอ็กซ์เพรสฯ สามารถทำได้อยู่ที่ 1 วัน ผ่านศูนย์กลาง (Hub)การนำส่งสินค้าที่ดูแลในแต่ละพื้นที่ คือ เทียร์1 ในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล เทียร์2A ดูแลพื้นที่โดยรอบชลบุรี- พัทยา และ เทียร์2B ดูแลพื้นที่ต่างจังหวัด เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต เป็นต้น

พร้อมวางแผนขยายจุดรับส่งสินค้่า และ Hub การจัดส่งสินค้าเพิ่มขึ้นอีกไม่ต่ำกว่า 10 แห่งทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ในปีหน้า จากในปัจจุบันมี Hub อยู่ทั้งสิ้น 57 แห่งทั่วประเทศ