posttoday

'สนธิรัตน์' ปักธงแจ้งเกิดโรงไฟฟ้าชุมชน 1พันเมกะวัตต์ ใน 3 ปี

09 ธันวาคม 2562

รมว.พลังงานจัดทัพพลังงาน ปี'63 ขับเคลื่อน Energy For All เพื่อเศรษฐกิจฐานราก ย้ำไฟฟ้าต้องเข้าถึงทุกพื้นที่ เร่งโรงไฟฟ้าชุมชน 1,000เมกะวัตต์ ผุดโมเดลสถานีพลังงานชุมชน

รมว.พลังงานจัดทัพพลังงาน ปี'63 ขับเคลื่อน Energy For All เพื่อเศรษฐกิจฐานราก ย้ำไฟฟ้าต้องเข้าถึงทุกพื้นที่ เร่งโรงไฟฟ้าชุมชน 1,000เมกะวัตต์ ผุดโมเดลสถานีพลังงานชุมชน

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดการสัมมนา “การสื่อสารนโยบายพลังงานสู่การปฏิบัติ ปี 2563”ว่า การสัมมนานี้มีขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อเป็นเวทีมอบนโยบายให้แก่ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของกระทรวงพลังงานทั้งจากส่วนกลางและภูมิภาค เพื่อรับทราบทิศทางการขับเคลื่อนนโยบายด้านพลังงานไปพร้อมๆ กัน ผ่านนโยบาย “Energy For All พลังงานเพื่อทุกคน” ซึ่งได้ดำเนินการมาระยะหนึ่งแล้วตั้งแต่ที่เข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2562 และยังคงเป็นนโยบายหลักที่จะผลักดันต่อไปในปี 2563 ที่จะมาถึง

“ในช่วงไม่กี่เดือนที่ได้เข้ามาบริหารที่กระทรวงพลังงาน ผมพบว่าเป็นหน่วยงานที่มีบุคลากร มีทีมงานที่มีความสามารถและเชี่ยวชาญ รวมถึงมีรัฐวิสาหกิจที่มีความเข้มแข็ง แต่ภาพลักษณ์เดิมของกระทรวงฯ ถูกมองว่าให้ความสำคัญกับการลงทุนขนาดใหญ่ ประชาชนยังไม่สามารถเข้าถึงพลังงาน ซึ่งในความเป็นจริงแล้วกระทรวงฯ ก็มีการทำงานที่ลงไปในระดับประชาชน ในระดับชุมชนอยู่ด้วยแล้ว เพียงแต่ขาดพลังที่จะบริหารจัดการเพื่อขับเคลื่อนนโยบายไปสู่เศรษฐกิจระดับฐานราก วันนี้จึงถือเป็นโอกาสดีที่จะได้มาทำความเข้าใจร่วมกัน เพื่อทำให้นโยบายถูกแปรไปสู่ทางปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม”นายสนธิรัตน์กล่าว

ทั้งนี้ ได้วางเป้าหมายระยะสั้นที่จะเร่งดำเนินการให้สำเร็จเป็นรูปธรรมภายใต้นโยบาย Energy For All มีดังนี้ 1.ช่วยเหลือค่าครองชีพของประชาชนด้านพลังงานอย่างเป็นรูปธรรมช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยด้านส่วนลดค่าก๊าซหุงต้มและค่าไฟฟ้าผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยอยู่ระหว่างปรับปรุงโครงสร้างราคาพลังงานทั้งน้ำมันและก๊าซให้เกิดความเป็นธรรม

2. ทุกพื้นที่ของประเทศไทยที่มีคุณสมบัติตามกฎหมายที่ถูกต้องจะต้องมีไฟฟ้าใช้ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตทั้งพื้นที่บริเวณชายขอบ ชายแดน ซึ่งเป็นพื้นที่ปลายสายส่งที่เกิดไฟตกไฟดับ จำเป็นต้องแก้ปัญหาอีกจำนวนมาก ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อยู่ระหว่างเร่งจัดทำแผนงานสนับสนุนงบประมาณผ่านกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้ทุกพื้นที่ได้มีไฟฟ้าใช้อย่างทั่วถึง

3.เกิดโรงไฟฟ้าชุมชนกว่า 1,000 เมกะวัตต์ ในช่วง 3 ปีข้างหน้า ซึ่งจะมีการนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) กลางเดือนธันวาคมนี้ 4.เกิดสถานีพลังงานชุมชนในพื้นที่ที่มีศักยภาพทั่วประเทศ โดยใช้โมเดลการพัฒนาชุมชนของ จ.กาญจนบุรีเป็นแนวทางในการทำสถานีพลังงานชุมชนแบบครบวงจรที่สามารถนำพลังงานจากแสงอาทิตย์ ชีวมวล ขยะ และเชื้อเพลิงฟอสซิลมาบริหารจัดการในกิจกรรมต่างๆ เพื่อลดรายจ่ายด้านพลังงานและสร้างรายได้ต่อยอดอาชีพของชุมชน โดยจะพิจารณานำเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานมาสนับสนุน

5.เกิดการใช้ B10 ทั่วประเทศเป็นน้ำมันดีเซลเกรดมาตรฐาน และมี B20ที่ใช้สำหรับรถบรรทุกขนาดใหญ่ ซึ่งจะช่วยให้ตลาดน้ำมันปาล์มมีความสมดุลมากขึ้น สร้างเสถียรภาพราคาไม่ให้ได้รับผลกระทบจากความผันผวนราคาในตลาดโลก ซึ่งขณะนี้ในช่วงนำร่องดำเนินการมาระยะเดือนกว่าๆ ก็ยกระดับราคาปาล์มน้ำมันขึ้นมาที่กิโลกรัมละกว่า 4 บาทแล้ว รวมทั้ง B10 ยังช่วยลดฝุ่น PM 2.5 เพราะการส่งเสริมใช้ชีวมวลจากปาล์มช่วยลดการเผาในที่โล่ง และยังทำให้มีการปล่อย PM 2.5 น้อยลงอีกด้วย รวมทั้งในปีหน้าก็จะส่งเสริมเชื้อเพลิงชีวภาพในกลุ่มน้ำมันเบนซินต่อเนื่อง เพื่อให้การใช้แก๊สโซฮอล E20 เป็นน้ำมันเกรดหลักในกลุ่มเบนซิน

6.เกิดการสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) อย่างเป็นรูปธรรม จะร่วมหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อส่งเสริมภาพรวมให้เกิดการใช้ EV อย่างแพร่หลาย