posttoday

เตือน "รัฐบาลบิ๊กตู่" ระวังเจอค่าโง่รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน

09 มิถุนายน 2562

อดีตรมว.คลัง เตือนรัฐบาลประยุทธ์ เสี่ยงเจอค่าโง่รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินหาส่งมอบที่ดินดำเนินโครงการล่าช้า

อดีตรมว.คลัง เตือนรัฐบาลประยุทธ์ เสี่ยงเจอค่าโง่รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินหาส่งมอบที่ดินดำเนินโครงการล่าช้า

เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 62 นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรมว.คลังได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ "ไฮสปีดเรล รัฐบาลพลเอกประยุทธ์จะโยนค่าโง่ใส่ประชาชนอีกหรือไม่?" โดยมีเนื้อหาดังนี้

ประชาชนชาวไทยต้องกล้ำกลืนกับสารพัด “ค่าโง่” จากโครงการต่างๆ

ไม่ว่าโครงการโฮปเวลล์ หรือโครงการทางด่วนในอดีต รวมทั้งในอนาคต อาจจะมีค่าโง่จากการปิดเหมืองทองคำที่ทำอย่างไม่รอบคอบด้วย

แต่ขณะนี้ อาจจะมีโครงการไฮสปีดเรลเพิ่มขึ้นอีกโครงการหนึ่ง

ข่าวฐานเศรษฐกิจระบุว่า

“การลงนามโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา) ระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) กับกิจการร่วมค้า บริษัทเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด และพันธมิตร (กลุ่มซีพี) ที่กำหนดภายในวันที่ 15 มิถุนยน 2562 ต้องเลื่อนออกไป

เพราะติดปัญหา 2 ประเด็นแผนส่งมอบที่ดินล่าช้าและยังต้องเจรจากันต่อในวันที่ 14 มิถุนายนนี้

นายวรวุฒิ มาลา รักษาการผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย ( ร.ฟ.ท.)เผยว่า คณะทำงานของ ร.ฟ.ท.และกลุ่มซีพี กำลังหารือสรุปรายละเอียดส่งมอบพื้นที่โครงการรถไฟความเร็วสูง ซึ่งขณะนี้มีความคืบหน้าพร้อมส่งมอบ 70-80% ของพื้นที่ทั้งหมด

"ขณะนี้ต้องกางแผนแนวเส้นทางรถไฟความเร็วสูง มาดูอย่างละเอียด เพื่อสรุปทีละจุดว่าจุดไหนพร้อมส่งมอบได้ และจุดใดยังไม่พร้อมเพราะมีการบุกรุก ซึ่งคณะทำงาน ร.ฟ.ท.และกลุ่มซีพี หารือกันต่อเนื่อง และจะประชุมอีกครั้งในวันที่ 14 มิถุนายนนี้ และต้องหารือว่าซีพีต้องการรับมอบ พื้นที่ส่วนใดก่อน และ ร.ฟ.ท.พร้อมส่งมอบหรือไม่”

ผู้อ่านคงจำได้นะครับ สาเหตุหนึ่งที่ ร.ฟ.ท.ต้องเผชิญกับค่าโง่โฮปเวลล์หลายหมื่นล้านบาทนั้น เกิดจาก ร.ฟ.ท.ไม่สามารถส่งมอบพื้นที่ตามเส้นทางได้ภายในกำหนดเวลา

ซึ่งเห็นได้ชัดว่า การที่กลุ่มที่รับผิดชอบการให้สิทธิโครงการ จะทึกทักเอาว่า ร.ฟ.ท.จะพร้อมส่งมอบพื้นที่มักกะสัน ทั้งที่รัฐยังไม่มีแผนรองรับการโยกย้ายโรงซ่อมบำรุง มีความเสี่ยงจะนำไปสู่ค่าโง่อีกครั้งหนึ่งในอนาคต

ผมย้ำอีกครั้งว่า โครงการใหญ่ระดับซูเปอร์ที่ครอบคลุมพื้นที่มากมายอย่างนี้ ถ้าไม่จับมือเป็นเนื้อเดียวกันกับสหภาพรัฐวิสาหกิจ ก็จะเสี่ยงต่อ “ค่าโง่” ในอนาคต