posttoday

เอไอเอสมูลค่าแบรนด์สูงสุด

19 สิงหาคม 2558

เอไอเอสชนะเลิศ องค์กรมีมูลค่า 5.7 แสนล้านบาท สูงสุดในบรรดาบริษัทในตลาดหุ้นไทย

เอไอเอสชนะเลิศ องค์กรมีมูลค่า 5.7 แสนล้านบาท สูงสุดในบรรดาบริษัทในตลาดหุ้นไทย

นางกุณฑลี รื่นรมย์ และนายเอกก์ ภทรธนกุล อาจารย์ประจำภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มอบรางวัล “Thailand’s Top Corporate Brands 2015” ให้แก่บริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่มีมูลค่าแบรนด์องค์กรสูงสุด 19 หมวดธุรกิจของอุตสาหกรรมในประเทศไทย ประจำปี 2558 โดยหมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ได้แก่ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือเอไอเอส มูลค่า 574,029 ล้านบาท และนับเป็นบริษัทที่มีมูลค่าแบรนด์สูงที่สุด

สำหรับอันดับ 2 คือ ธนาคารไทยพาณิชย์ แบรนด์องค์กรมีมูลค่า 331,554 ล้านบาท อันดับ 3 ได้แก่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย แบรนด์มีมูลค่า 259,630 ล้านบาท อยู่ในหมวดวัสดุก่อสร้าง อันดับ 4 คือ บริษัท ซีพี ออลล์ มูลค่า 243,217 ล้านบาท อยู่ในหมวดพาณิชย์ อันดับ 5 บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ มูลค่า 178,000.29 ล้านบาท อยู่ในหมวดการแพทย์ อันดับ 6 บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา มูลค่า 133,567.46 ล้านบาท หมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์

อันดับ 7 บริษัท ท่าอากาศยานไทย มูลค่า 106,489.76 ล้านบาท หมวดขนส่งและโลจิสติกส์ อันดับ 8 บริษัท บีอีซี เวิลด์ มูลค่า 100,280.04 ล้านบาท ในหมวดสื่อและสิ่งพิมพ์ อันดับ 9 บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต มูลค่า 56,117.04 ล้านบาท อันดับ 10 บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (ปตท.สผ.) มูลค่า 54,237.43 ล้านบาท อันดับ 11 บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) มูลค่า 21,794.63 ล้านบาท หมวดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์

อันดับ 12 บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา มูลค่า 18,093.38 ล้านบาท หมวดท่องเที่ยวและสันทนาการ อันดับ 13 บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล มูลค่า 12,518.89 ล้านบาท หมวดปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ อันดับ 14 บริษัท เอสทีพี แอนด์ ไอ มูลค่า 12,428.33 ล้านบาท หมวดรับเหมาก่อสร้าง อันดับ 15 บริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) มูลค่า 11,667.89 ล้านบาท หมวดเงินทุนและหลักทรัพย์ อันดับ 16 บริษัท แมกซ์ เมทัล คอร์ปอเรชั่น มูลค่า 8,431.34 ล้านบาท หมวดเหล็ก อันดับ 17 บริษัท ยูนิวานิชน้ำมันปาล์ม มูลค่า 6,906 ล้านบาท หมวดสินค้าเกษตร และอันดับ 18 บริษัท ซาบีน่า องค์กรมีมูลค่าแบรนด์ 5,697 ล้านบาท ถือว่าสูงสุดในหมวดแฟชั่น

นายเอกก์ กล่าวว่า การหามูลค่าแบรนด์องค์กรได้ใช้ข้อมูลจากงบการเงิน มูลค่าหุ้น ปริมาณการซื้อขาย โดยข้อมูลของมูลค่าแบรนด์องค์กรนี้ แต่ละบริษัทสามารถนำไปใช้เป็นเครื่องชี้วัดผลดำเนินงานได้ และในแง่ของนักลงทุนจะสามารถเห็นมูลค่าจับต้องได้ของหุ้นบริษัทที่ตัวเองลงทุนอยู่ และสามารถนำไปใช้อ้างอิงในการซื้อกิจการได้ด้วย

“โดยภาพรวมแล้วมูลค่าแบรนด์องค์กรถือว่ายังดี เพราะบริษัทที่เคยได้รับรางวัลสูงสุดในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรม 8 กลุ่ม เมื่อปีที่ผ่านมายังได้รับรางวัลต่อเนื่องในปีนี้ ซึ่งได้ปรับมาเป็น 19 หมวดธุรกิจ เพื่อให้สะท้อนภาพแต่ละธุรกิจได้มากขึ้น” นายเอกก์ กล่าว

นอกจากนี้ ทางกลุ่มผู้จัดมีแนวคิดที่จะขยายขอบเขตของการวัดมูลค่าแบรนด์ขององค์กร ไปยังบริษัทในตลาดหุ้นภูมิภาคอาเซียน ในเบื้องต้นน่าจะเริ่มต้นกับบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นเวียดนาม