posttoday

‘พาณิชย์’เร่งฟื้นเจรจา เอฟทีเอไทย-อียู ตั้งวงถกระดมความเห็นทุกภาคส่วน

06 สิงหาคม 2562

กรมเจรจาการค้าฯ เดินหน้านโยบายฟื้นเจรจาเอฟทีเอ ไทย-อียู่ นำร่อง เปิดเวทีระดมความเห็นภาคเอกชน 14 ส.ค.นี้ หลังหยุดชะงักมากว่า 6ปี

กรมเจรจาการค้าฯ เดินหน้านโยบายฟื้นเจรจาเอฟทีเอไทย-อียู่ นำร่อง เปิดเวทีระดมความเห็นภาคเอกชน 14 ส.ค.นี้ หลังหยุดชะงักมากว่า 6 ปี

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมฯเตรียมจัดประชุมหารือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
ทั้งหน่วยงานภาครัฐ เอกชน เกษตรกร และภาคประชาชน เพื่อรับฟังความเห็นต่อการฟื้นการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ไทย-สหภาพยุโรป (อียู) ในเรื่องต่างๆ เช่น ประโยชน์ที่ไทยจะได้รับจากการเจรจา ผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย การเตรียมความพร้อมรับมือหรือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ เป็นต้น  หลังจากที่หยุดการเจรจามาตั้งแต่ปี 2557 

ทั้งนี้ในเบื้องต้นเตรียมจัดทั้งหมด 4 ครั้ง ช่วงเดือนสิงหาคม-ตุลาคม 2562 ซึ่งจะจัดหารือตามกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ทั้งกลุ่มภาคเอกชน สมาคมธุรกิจและผู้ประกอบการ กลุ่มเกษตรกร กลุ่มผู้บริโภคและองค์กรภาคประชาชน และกลุ่มหน่วยงานภาครัฐ เป็นต้น โดยกรมฯ กำหนดจัดรับฟังความเห็นครั้งแรกกับกลุ่มภาคเอกชน ในวันที่ 14 สิงหาคม 2562 ณ กระทรวงพาณิชย์

นอกจากการจัดหารือรับฟังความเห็นจากผู้มีส่วนได้เสียแล้ว กรมฯ ยังได้มอบหมายให้สถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา (ไอเอฟดี) ศึกษาประโยชน์และผลกระทบการฟื้นการเจรจาเอฟทีเอไทย-อียู ตลอดจนสำรวจความเห็นจากประชากรกลุ่มตัวอย่างทั่วประเทศ โดยกำหนดแล้วเสร็จในช่วงปลายเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งกรมฯ จะรวบรวมผลการศึกษา การจัดรับฟังความเห็น และการตอบแบบสำรวจของประชากรกลุ่มตัวอย่างทั่วประเทศ นำเสนอรัฐบาลเพื่อประกอบการตัดสินใจเรื่องการฟื้นการเจรจาเอฟทีเอไทย-อียู และกำหนดท่าทีการเจรจาอย่างรอบคอบต่อไป

อย่างไรก็ตามในปี 2561 การค้าไทย-อียู มีมูลค่า 47,322 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 9.4% ของการค้าไทยกับโลก ขยายตัว 6.5% จากปี 2560 โดยเป็นการส่งออกจากไทยไปอียูมูลค่า 25,041 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และไทยนำเข้าจากอียูมูลค่า 22,281 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปี 2560 อัตรา 5.1% และ 8.1% ตามลำดับ

สำหรับในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2562 (มกราคม-มิถุนายน) มูลค่าการค้ารวมไทย-อียู มีมูลค่า 21,908 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นการส่งออกจากไทยไปสหภาพยุโรปมูลค่า 12,060 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และนำเข้าจากสหภาพยุโรปมูลค่า 9,817 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปอียู เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบรถยนต์ อัญมณีและเครื่องประดับ แผงวงจรไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และไก่แปรรูป เป็นต้น และสินค้านำเข้าสำคัญของไทยจากอียู เช่น เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องบิน เครื่องร่อน อุปกรณ์การบินและส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ เป็นต้น

ขณะที่การลงทุนไทยในอียูมีแนวโน้มสูงขึ้นในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา โดยในปี 2561 คิดเป็นมูลค่า 11,339 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มากกว่าการลงทุนจากอียูเข้ามาไทย ซึ่งมีมูลค่า 7,065 ล้านดอลลาร์สหรัฐ