posttoday

ทางรอดเพื่อไทย: สกัดเลือดไหล–กู้อุดมการณ์ ก่อนศึกเลือกตั้ง69

10 ตุลาคม 2568

เพื่อไทยเผชิญวิกฤตศรัทธา–คะแนนนิยมตกต่ำ หลังข้ามขั้วจัดตั้งรัฐบาล อุดมการณ์เจือจาง–โครงสร้างรวมศูนย์ แพทองธารต้องเร่งปรับลดอิทธิพล “VVIP” สู้ศึกเลือกตั้ง69

KEY

POINTS

  • อุดมการณ์เจือจาง – จุดยืนทางการเมืองไม่ชัด ทำให้เสียฐานเสียง
  • เลือดไหลไม่หยุด – ส.ส.ย้ายพรรค ความนิยมตกต่ำ
  • ปรับโครงสร้างใหม่ – ลดอำนาจ “VVIP” ฟื้นอุดมการณ์ประชาชน

วิกฤตศรัทธา—เลือดไหลจากจุดยืนที่คลุมเครือ

พรรคเพื่อไทย (พท.) ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสัญลักษณ์ของ “พรรคเพื่อประชาชน” กำลังเผชิญจุดเปลี่ยนสำคัญที่สุดในรอบสองทศวรรษ หลังความนิยมตกต่ำอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เข้าร่วมรัฐบาลข้ามขั้วกับพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์ในปี 2567 การตัดสินใจดังกล่าว แม้ช่วยให้พรรคได้กลับมามีอำนาจบริหารประเทศ แต่กลับแลกมาด้วย “ต้นทุนทางอุดมการณ์” ที่สูงจนกระทบศรัทธาของฐานเสียงดั้งเดิมในภาคอีสานและภาคเหนือ

ผลสำรวจความคิดเห็นหลายสำนักชี้ตรงกันว่า หากมีการเลือกตั้งในปี 2569 พรรคเพื่อไทยอาจได้ที่นั่งไม่ถึง 100 ที่นั่ง ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดในประวัติศาสตร์ทางการเมืองของพรรค

ขณะที่ สส. บางส่วนทยอยย้ายพรรคอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะไปยังค่ายภูมิใจไทย สะท้อนว่า “เลือดไหล” ในทางการเมืองได้เริ่มขึ้นแล้ว ไม่ใช่เพียงจากขวัญกำลังใจภายในพรรค แต่เป็นการสูญเสียศรัทธาจากประชาชนที่รู้สึกว่าพรรคละทิ้งหลักการเดิม

จุดเปราะบางที่สุดคือ “ความคลุมเครือทางอุดมการณ์” พรรคที่เคยชูธงประชาธิปไตยและการปฏิรูปเชิงโครงสร้าง กลับกลายเป็นพรรคสายกลางแบบประนีประนอมทางการเมือง ขาดทิศทางชัดเจนต่อประเด็นหลัก เช่น การกระจายอำนาจ การปฏิรูประบบราชการ หรือการคุ้มครองสิทธิพลเมือง

ยิ่งไปกว่านั้น ภาพลักษณ์ “พรรคมีเจ้าของ” ที่ถูกผูกโยงกับตระกูลชินวัตร ยังคงเป็นเงาที่บดบังความพยายามของ แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกฯและหัวหน้าพรรคคนปัจจุบัน ที่ต้องการแสดงบทบาทผู้นำรุ่นใหม่
 

จุดอ่อนเรื้อรัง—นโยบายไร้ผล ฐานเสียงสั่นคลอน

ตลอดสองปีที่อยู่ในรัฐบาลเพื่อไทยยังไม่สามารถสร้างความโดดเด่นทางนโยบายได้อย่างที่ประชาชนคาดหวัง นโยบายเศรษฐกิจที่ถูกเสนอ เช่น “ดิจิทัลวอลเล็ต” หรือ “กองทุนฟื้นฟู SMEs” แม้มีเจตนาดีแต่กลับติดปัญหาทางการคลังและระบบราชการ ทำให้ภาพลักษณ์พรรคในฐานะ “มือเศรษฐกิจ” ลดลงอย่างเห็นได้ชัด

ในเวลาเดียวกัน คู่แข่งทางการเมืองกลับเดินเกมรุกในพื้นที่เดิมของเพื่อไทยอย่างเป็นระบบ พรรคภูมิใจไทยเร่งขยายฐานอิทธิพลในภาคอีสาน ด้วยการใช้โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและนโยบายเชิงท้องถิ่น

การรุกของพรรคภูมิใจไทยไม่เพียงตัดฐานเสียง แต่ยัง “ตัดท่อน้ำเลี้ยงทางการเมือง” ของเพื่อไทย ซึ่งพึ่งพาฐานมวลชนระดับพื้นที่มาตลอด

อีกปัญหาที่สั่นคลอนภายในคือ “โครงสร้างรวมศูนย์อำนาจ” ไม่เอื้อต่อการขับเคลื่อนพรรคยุคใหม่ การตัดสินใจส่วนใหญ่ยังขึ้นกับ “VVIP” หรือกลุ่มอดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตแกนนำรุ่นเก๋าที่มีบทบาทกำหนดทิศทางหลักของพรรค ส่งผลให้ทีมยุทธศาสตร์รุ่นใหม่ไม่สามารถนำเสนอแนวคิดที่แตกต่างได้เต็มที่

ความขัดแย้งระหว่าง “คนทำงานจริง” กับ “ผู้ใหญ่ในพรรค” กำลังกลายเป็นรอยร้าวที่ลึกขึ้นเรื่อย ๆ และหากไม่รีบปรับโครงสร้าง อาจเกิดการแตกตัวทางการเมืองก่อนถึงสนามเลือกตั้งใหญ่
 

ทางรอดเพื่ออนาคต—ปฏิวัติโครงสร้าง กู้อุดมการณ์ ฟื้นศรัทธา

เพื่อไทยจำเป็นต้องปรับตัวเชิงยุทธศาสตร์อย่างเร่งด่วน หากต้องการกลับมาเป็น “พรรคใหญ่ในใจประชาชน” อีกครั้ง แนวทางแรกคือ การกำหนดอุดมการณ์ใหม่ให้ชัดเจน ว่าพรรคยืนอยู่ตรงไหนระหว่าง “ประชาธิปไตยเสรีนิยม” กับ “การเมืองประนีประนอมเชิงระบบราชการ” การนิยามตัวเองอย่างชัดเจนจะช่วยฟื้นศรัทธาในกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งรุ่นใหม่ที่เริ่มมองว่าพรรคกลายเป็นส่วนหนึ่งของระบบเก่า

แนวทางต่อมาคือ การปลดแอกภาพลักษณ์พรรคของครอบครัว แม้ตระกูลชินวัตรจะเป็นสัญลักษณ์ทางการเมืองที่แข็งแกร่ง แต่ในยุคสื่อสังคมออนไลน์และการเมืองแบบเปิด การคงภาพ “เจ้าของพรรค” กลับเป็นข้อจำกัดใหญ่ต่อการขยายฐานเสียง พรรคควรเปิดพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่ในระดับจังหวัดขึ้นมาเป็นหัวคะแนนหลัก หรือสร้าง “ทีมเพื่อไทยรุ่นเปลี่ยนผ่าน” เพื่อสะท้อนถึงความหลากหลายของพรรคอย่างแท้จริง

สุดท้ายคือ การปฏิวัติโครงสร้างภายใน โดยลดบทบาท“VVIP” ในการกำหนดยุทธศาสตร์พรรค เพื่อเปิดทางให้คนรุ่นใหม่และเทคโนแครตมีส่วนร่วมมากขึ้น การแต่งตั้ง “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” เป็นผู้อำนวยการเลือกตั้ง ถือเป็นก้าวแรกในการรั้ง สส. ไว้ในพรรค แต่ยังไม่เพียงพอหากไม่มีการสร้างกลไกบริหารที่ยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพ พรรคควรใช้โอกาสนี้สร้าง “ทีมยุทธศาสตร์เลือกตั้ง 2569” ที่รวมทั้งนักเศรษฐกิจ นักการเมืองท้องถิ่น และคนรุ่นใหม่ เพื่อวางนโยบายเศรษฐกิจจับต้องได้ เช่น นโยบายพัฒนาอุตสาหกรรมชุมชน นโยบายลดภาระหนี้สิน และระบบภาษีที่เป็นธรรม

เพื่อไทยกำลังยืนอยู่บนทางแยกสำคัญของประวัติศาสตร์พรรค การฟื้นศรัทธาฐานเสียงจะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อพรรคกล้าปรับโครงสร้างภายใน กำหนดอุดมการณ์ใหม่ และคืนพลังให้ “ประชาชน” เป็นเจ้าของพรรคอย่างแท้จริง

ข่าวล่าสุด

กฤษฎีกาตีตก สลากเพื่อการออมL6 ไม่ถูกคืนเงิน ชี้เกินอำนาจสนง.สลากฯ