posttoday

'สูตรหาร 100' หอกปักอกพรรคใหม่ คอลัมน์ | หน้าต่างบานใหม่

01 ธันวาคม 2565

หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย เกี่ยวกับร่าง พ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. โดยการใช้สูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อแบบ สูตรหาร 100 และใช้บัตร 2 ใบ และ ร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ

'สูตรหาร 100' หอกปักอกพรรคใหม่  คอลัมน์ | หน้าต่างบานใหม่

ทิศทางการเมืองไทยเดินหน้าเข้าสู่โหมดการเตรียมตัวเลือกตั้งเต็มตัว  เป็นที่แน่ชัดว่าบรรดาพรรคเล็กที่เคยได้อานิสงส์จาก ระบบการเลือกตั้งเดิมในการเลือกตั้ง 2562 ที่ใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียวและนำทุกคะแนนมาคำนวณหาส.ส.พึงมีให้ครบจำนวน 500 ที่นั่ง หรือที่รู้กันว่า ทุกคะแนนไม่มีทิ้งน้ำให้เสียเปล่า ซึ่งเกณฑ์ดังกล่าวทำให้ฐานการคำนวณส.ส.แบบบัญชีรายชื่อมีฐานคะแนนต่อ 1 ที่นั่งอยู่ที่ประมาณ 7 หมื่นกว่าเสียง ที่สำคัญ พรรคการเมืองที่ได้ต่ำกว่าเกณฑ์ ได้อานิสงส์ปัดเศษ ทำให้ได้รับเลือกให้เป็น ส.ส.ในระบบดังกล่าวเข้ามาถึง 11 พรรคการเมืองนั้น ในการเลือกตั้งครั้งหน้าที่จะถึงในเวลาอันใกล้นี้ จะถูกกวาดตกเวทีทางการเมืองไปสิ้น หากพรรคการเมือง และ ส.ส.ปัดเศษเหล่านี้อยากมีที่ยืนบนเวทีการเมืองในอนาคต ทางออกคงไม่พ้นไปยุบรวมกันเอง หรือ ยุบพรรคไปเข้าพรรคการเมืองใหญ่ที่มีโอกาสทางการเมืองมากกว่า 

ทิศทางการเมืองหลังการเลือกตั้งครั้งที่จะมาถึงภายใต้ระบบการเลือกตั้งสูตรหาร 100 จากการคาดการณ์ของอดีต คณะกรรมการการเลือกตั้งอย่าง สมชัย  ศรีสุทธิยากร ที่ผันตัวมาเป็นนักการเมือง เป็นสมาชิกพรรคเสรีรวมไทยในปัจจุบัน  มองว่าจะเหลือพรรคการเมืองไม่เกิน 10 พรรค จึงมีความเป็นไปได้สูงยิ่ง

การเลือกตั้งตาม พ.ร.ป.การเลือกตั้ง สูตรหาร 100 ใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ แยกคนแยกพรรค ถูกมองว่าเป็นคุณให้กับพรรคการเมืองใหญ่ พรรคการเมืองเก่าที่มีความนิยมเป็นที่รู้จักของคนในพิ้นที่มานาน โดยในการลงคะแนนเลือก ส.ส.เขต ชัดเจนว่า บรรดาส.ส.กลุ่มบ้านใหญ่ และ ส.ส.ที่มีฐานเสียงเป็นของตัวเอง จะได้รับอานิสงส์ มีค่า ในตัวขึ้นมาอย่างสูง พรรคการเมืองที่ต้องการคะแนนเสียงเพื่อสะสมเป็นขุมกำลังในการต่อรองการจัดตั้งรัฐบาลในอนาคต ย่อมให้ความสนใจยินยอมตกลงแลกเปลี่ยนระหว่างกันเพื่อให้สมประสงค์ทั้งสองฝ่าย 

ในขณะที่ ส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อ หากใช้ฐานคะแนนจากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา(รวมบัตรเสียและประสงค์ไม่ลงคะแนน) มีคะแนนเสียงที่มาลงคะแนนเลือกตั้งทั้งหมด 38 ล้านเศษ จะทำให้ ฐานในการคำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่ออยู่ที่ประมาณ 3.8 แสนคะแนน  นั้นจึงเป็นเหตุให้เชื่อได้ว่าบรรดา ส.ส.ปัดเศษของพรรคการเมืองขนาดเล็กหากไม่ขยับปรับตัวเองมีอันต้องสูญพันธุ์อย่างแน่นอน  ในขณะเดียวกัน บรรดาพรรคการเมืองขนาดกลางที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมานานคงไม่ได้ผลกระทบมากนัก เพราะอย่างน้อยคนพื้นที่ที่นิยมในพรรคการเมืองเหล่านี้เชื่อว่ายังคงลงคะแนนให้กับพรรคเหล่านี้อย่างเช่น ประชาธิปัตย์  ชาติไทยพัฒนา(กล้า) ชาติไทยพัฒนา  เป็นต้น

ส่วนพรรคการเมืองขนาดกลางเกิดใหม่ ที่ได้ประโยชน์มากจากระบบการเลือกตั้งบัตรใบเดียวหาร 500 สูตรเดิม อย่างเช่น พรรคก้าวไกล (อนาคตใหม่) พรรคพลังประชารัฐ เสรีรวมไทย เศรษฐกิจใหม่ ท้องถิ่นไทย ในการเลือกตั้งครั้งใหม่ที่จะมาถึง คาดว่าจะไม่ได้ประโยชน์จากระบบหาร 100 เพราะ ชื่อชั้นของพรรคยังไม่เป็นที่นิยมของคนมากนัก ที่พอจะแข่งได้คงต้องลงแรงในส่วนของ ส.ส.เขตมากกว่า ดังนั้นพรรคเหล่าจะต้องออกแรงจูงใจเพื่อให้บรรดา ผู้สมัครที่มีฐานเสียง ยังอยู่กับพรรคต่อไป หรือ ต้องออกแรงจูงใจเพื่อดึง ผู้สมัครที่ฐานเสียงจากที่อื่นเข้ามาร่วมกับพรรคให้ได้ 

ส่วนพรรคใหญ่ที่มีชื่อเสียงเป็นที่นิยมอย่าง เพื่อไทย แม้ว่าจะเปลี่ยนชื่อพรรคมาหลายครั้ง แต่เป็นที่รู้กันดีในทางการเมืองว่าเป็นพรรคที่ใกล้ชิดกับตระกูลชินวัตร ของอดีตหัวหน้าพรรค ทักษิณ  ชินวัตร ซึ่งถือได้ว่าครองความนิยมของผู้ลงคะแนนเสียงส่วนมาก และ การปรับสูตรการเลือกตั้งครั้งนี้ ได้ประโยชน์จากความนิยมเป็นอย่างมาก จนกูรูการเมืองมองว่าจะเป็นพรรคที่ได้เสียงจากการเลือกตั้งเป็นอันดับ1 อย่างแน่นอน 

อย่างไรก็ตาม เมื่อกลับมามองบริบททางการเมืองในปัจจุบัน ยังมีพรรคการเมืองเกิดใหม่ที่ยังไม่เคยผ่านสนามการเลือกตั้ง แต่เป็นการแยกตัวของอดีตส.ส.เก่าจากพรรคการเมืองเดิม  ออกมาตั้งพรรคใหม่  อย่าง สร้างอนาคตไทย ไทยสร้างไทย พรรคการเมืองใหม่เหล่านี้น่าจะไม่ได้ประโยชน์จากสูคตรหาร 100 เช่นกัน เพราะด้วยความใหม่ของพรรคยังไม่มีผลงานเพื่อดึงดูดคะแนนนิยมมาก่อน การต่อสู้ในการเลือกตั้งยังต้องเน้น ส.ส.เขตเช่นกัน  และ หากจะมองถึงอนาคตต่อไปหลังการเลือกตั้ง เพื่อให้มีอำนาจต่อรองในทางการเมืองตามสูตรคณิตศาสตร์ทางการเมือง โอกาสที่จะมีการปรับรวม ควบรวมพรรคเข้าด้วยกันน่าจะเป็นทางออกทางหนึ่งเช่นกัน 

สำหรับพรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคใหม่ ที่มีกระแสข่าวหนาแน่นว่า พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีจะเข้าไปร่วมงานทางการเมืองด้วย โดยยอมหันหลังให้กับพี่ใหญ่พล.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่สนิดแนบแน่นมาถึงครึ่งศตวรรษ ยอมทิ้งพรรคพลังประชารัฐที่หนุนขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีในทุกวันนี้ ได้ประโยชน์จากสูตรหาร 100 มากน้อยเพียงใด

จากพื้นฐานของระบบเลือกตั้ง บัตร 2 ใบ แยกคนแยกพรรค  พรรคใหม่โดยพื้นฐานยังไม่เป็นที่รู้จักยังไม่เคยมีผลงานจะหาคะแนนนิยมจากที่ใด? สิ่งที่จะดึงคะแนนมาเป็นของพรรคต้องพึ่งพาแรงขับจาก คนของพรรคเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะคะแนนนิยมของตัวนายกรัฐมนตรี ที่ยังมีความนิยมอยู่บ้าง จากผลของการสำรวจคะแนนนิยมที่ผ่านมาเป็นสิ่งยืนยัน 

การต่อสู้ทางการเมืองของพรรคการเมืองคงไม่พ้นการพยายามดึงคน ดึงฐานบ้านใหญ่ให้เข้ามามากที่สุด และในข้อเท็จจริงกลุ่ม ส.ส. ผู้สมัคร ที่พยายามแย่งกันสร้างแรงจูงใจดึงตัวเข้ามาสังกัดพรรคก็เป็นกลุ่มก้อนเดียวกันในปัจจุบัน จึงไม่น่าแปลกใจ ที่กูรูการเมืองจะมองว่า การเลือกตั้งครั้งหน้า ซีกทางปีกเพื่อไทยชนะขาดแน่ๆ  การดันร่าง พ.ร.ป.การเลือกตั้งออกมาในครั้งนี้จึงเป็นเสมือนการซัดหอกออกไปใส่ศรัตรู แต่กลับย้อนมาปักออกตัวเอง 

ดังนั้นคำถามที่ยังรอคำตอบ คือ  รัฐบาล โดยเฉพาะ นายกรัฐมนตรีประเมินสิ่งเหล่านี้อย่างไร หรือมีเหตุปัจจัยอื่นที่มั่นใจว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้าจะสามารถชนะกลับมาจัดตั้งรัฐบาลได้อีกครั้ง กระแสเรื่อง ยุบพรรคการเมือง จะถูกนำมาใช้ในเกมการเมืองหรือไม่ หากใช้จะส่งผลอย่างไร ? ขุมกำลัง ส.ว.ที่จะใช้สนับสนุนในเกมชิงเหลี่ยมเสนอนายกรัฐมนตรีจะถูกนำมาใช้หรือไม่ หากใช้จะส่งผลอย่างไร ? ดังที่นักวิชาการอย่างเจษฎ์ โทณะวณิก ประธานคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยบัณฑิตเอเชีย เตือนไว้ว่าจะเป็นจุดเสี่ยงนำไปสู่ความแตกแยกอีกครั้งหรือไม่ ? และความแตกแยกจะนำไปสู่สิ่งใด ความตั้งใจที่ต้องการปฏิรูปการเมืองไทย ความพยายามในการสร้างความปรองดองในสังคมจะสูญเปล่าหรือไม่ ?

ข่าวล่าสุด

ทองคำพุ่งทำสถิติใหม่ ทะลุ 4,400 ดอลลาร์ครั้งแรก จากคาดการณ์เฟดลดดอกเบี้ย