posttoday

แบกปืนเข้าป่าต้องติดคุก

10 ตุลาคม 2561

เป็นเรื่องที่สร้างความสะเทือนใจอีกครั้ง คือการที่เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติไทรโยค จ.กาญจนบุรี จับปลัดอำเภอและคณะพร้อมซากอุ้งตีนหมีขอ 4 ข้าง

เป็นเรื่องที่สร้างความสะเทือนใจอีกครั้ง คือการที่เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติไทรโยค จ.กาญจนบุรี จับปลัดอำเภอและคณะพร้อมซากอุ้งตีนหมีขอ 4 ข้าง

ภาพที่เห็นคือการสะท้อนถึงการล่าสัตว์ป่าที่เกิดขึ้นจริงอีกครั้ง

เจ้าหน้าที่พบรถออฟโรดจำนวน 6 คัน อาวุธปืนไรเฟิล ติดกล้องและอุปกรณ์เก็บเสียง พร้อมเครื่องกระสุนปืน อาวุธปืนพก จำนวน 2 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน

ฝ่ายปลัดอำเภอบอกว่าเข้าไปทำบุญที่สำนักสงฆ์เหมืองเต่าดำ โดยไปบริจาคสิ่งของ และนอนพักค้างคืน ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องของการล่าสัตว์ป่า

สำหรับซากสัตว์ป่าที่ถูกจับ พรรคพวกไปขอแบ่งซื้อมาจากพรรคพวกเท่านั้น โดยครั้งแรกเข้าใจว่าชาวบ้านเก็บเห็ดมาขาย สุดท้ายกลายเป็นอุ้งตีนหมีขอที่ซื้อมาในราคา 100 บาท เอาไปทำยา

แต่ข้ออ้างทั้งหมด เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ไม่เชื่อ และตั้งข้อหา ร่วมกันล่าสัตว์ในเขตอุทยานแห่งชาติ ร่วมกันครอบครองซากสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ความผิด พ.ร.บ.อาวุธปืน พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ และ พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า

ทั้งหมดเป็นการกระทำที่ซ้ำรอยเหตุการณ์เสือดำ ที่ถูกล่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร-ห้วยขาแข้ง

แม้จะมีการจับกุม ดำเนินคดี แต่ประเด็นปัญหาสำคัญที่เกิดขึ้นก็คือ ต้องหาหลักฐานมาพิสูจน์ความจริงว่าใครถูก ใครผิด

กระบวนการทั้งหมดจึงกลายเป็นสิ่งที่ยากไปโดยปริยาย

ไม่ว่าจะเป็นการตบแต่ง ทำลายหลักฐาน การเก็บ รวบรวม ฯลฯ ที่มีปัจจัยแปรเปลี่ยนตามมามากมาย โดยเฉพาะเมื่อส่งผ่านขั้นตอนต่างๆ ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

สิ่งที่น่าคิดก็คือ ไหนๆ ประกาศจะปฏิรูปกันแล้ว ทำไมไม่ปฏิรูปเรื่องการดูแลรักษาสัตว์ป่ากันเสียที

เอาที่ง่ายสุดก็คือ การแก้ไขกฎหมาย ใครแบกปืนไรเฟิลเข้าป่า เป็นอันต้องติดคุกทันที ยกเว้นเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ

แก้แบบปกติไม่ได้ งัดเอา ม.44 มาใช้เลย รับรองได้รับเสียงชื่นชมทั่วทิศ

เพราะกฎหมายปัจจุบันอนุญาตให้มีปืน พกปืนได้ ก็เพื่อความปลอดภัยในชีวิตของชาวบ้าน

คนปกติกว่าจะมีปืนในครอบครอง ต้องผ่านกระบวนการมากมาย นับตั้งแต่ไปยื่นเอกสารที่เขต หรืออำเภอ กรอกใบรับรองความประพฤติ ตรวจลายนิ้วมือที่สถานีตำรวจ ตรวจประวัติอาชญากรรม ถึงจะได้ใบอนุญาตให้ซื้ออาวุธปืน หรือ ป.3

จากนั้นต้องนำใบ ป.3 ไปร้านขายปืนเพื่อซื้อปืน เมื่อได้ปืนมาก็ต้องนำไปที่อำเภอ หรือเขต เพื่อตรวจปืน ขูดเลขทะเบียนปืน โดยจะได้ใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน หรือ ป.4 หลักๆ เพื่อเอาปืนไปฝึกซ้อม

ส่วนถ้าใครจะพกปืนไปไหนก็ต้องมีใบอนุญาตนำอาวุธติดตัว หรือ ป.12

ขั้นตอนต่างๆ จึงแสดงให้เห็นถึงวัตถุประสงค์ที่ให้มีปืนอย่างชัดเจน

แต่การแบกปืนไรเฟิลเข้าป่า อธิบายอย่างไรมันฟังไม่ขึ้น จะไปซ้อม ไปป้องกันตัว ไม่ใช่เหตุ

ใครที่แบกปืนอานุภาพทำลายล้างสูงเข้าป่า ควรมีบทบัญญัติให้ติดคุก

กรรมเป็นเครื่องส่อเจตนา ไม่ต้องหาหลักฐานใดๆ อีก