posttoday

Stock Connect ตลาดหุ้นจีน-ฮ่องกงดันหุ้นจีนได้ในระดับไหน

14 เมษายน 2558

โดย ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.วรรณ / [email protected]

โดย ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.วรรณ / [email protected]

สวัสดีครับ ปีนี้ตลาดหุ้นจีนกลับมาร้อนแรงอีกครั้งโดยปรับตัวบวกกว่า 12% ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน สิ่งที่น่าสนใจสำหรับตลาดหุ้นจีนในปีนี้มีค่อนข้างมาก แม้ว่าเศรษฐกิจจีนปีนี้ถูกคาดการณ์ว่าจะชะลอลงจากทั้งในส่วนของการผลิตภาคอุตสาหกรรม การลงทุนและอสังหาริมทรัพย์ ก็ตาม

ส่วนหนึ่งที่นำพาตลาดหุ้นจีนกลับมาดีขึ้นได้ในปีนี้ มาจากความคาดหวังของนักลงทุนที่คาดหวังแรงสนับสนุนจากมาตรการการผลักดันเศรษฐกิจของทางการจีนผ่านทางนโยบายการเงินและการคลัง รวมทั้งการปฏิรูปเศรษฐกิจ ซึ่งทางการจีนได้มีการผลักดันออกมาต่อเนื่องทั้งในส่วนของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ปรับลดอัตราการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์และปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ / การสร้างโครงสร้างพื้นฐานในส่วนของถนนทั้งในประเทศและระหว่างประเทศเพื่อสนับสนุนการคมนาคมขนส่งของจีนในอนาคตและสร้างการจ้างงานและรายได้ให้แก่คนในประเทศ

รวมทั้งการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจผ่านการปฏิรูปที่ดิน ปฏิรูปภาษีและปฏิรูปรัฐวิสาหกิจ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความโปร่งใส ซึ่งสนับสนุนให้นักลงทุนกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นจีนได้ แต่อีกหนึ่งปัจจัยหลักที่ทำให้ตลาดหุ้นจีนกลับมาคึกคักได้อีกครั้ง ผมมองว่ามาจากการผ่อนคลายกฎเกณฑ์ของทางการจีนที่เชื่อมโยงการลงทุนของตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงเข้าด้วยกัน ซึ่งเริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงเดือน พ.ย. 57 ที่ผ่านมา หรือที่เรียกว่า “Stock Connect”

การลงทุนในตลาดหุ้นจีนมีข้อจำกัดค่อนข้างมากจากเกณฑ์ที่รัฐบาลจีนกำหนด Quota ในการลงทุนที่เรียกว่า QFII และ RQFII ส่งผลให้ช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้น A-Share มีราคาแพงกว่าหุ้น H-Share และซื้อขายกันค่อนข้างลำบาก ซึ่งทำให้รัฐบาลจีนมีแผนที่จะเอื้อประโยชน์ต่อการลงทุนให้แก่นักลงทุนจีนและฮ่องกงประเภทรายย่อยให้สามารถเข้าถึงตลาดมากขึ้นผ่าน Stock Connect ซึ่งสะท้อนว่าทางการจีนเข้ามาสนับสนุนการลงทุนในตลาดหุ้นต่อเนื่องอย่างจริงจัง ซึ่งจะพบว่าการเชื่อมโยงตลาดฯ ทั้ง 2 ตลาดนักลงทุนได้ทยอยตอบรับกันมากขึ้นผ่านจำนวนยอดโควต้าที่นักลงทุนขอใช้ในการเข้าลงทุนก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผลักดันให้ตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงปรับตัวขึ้นทะลุระดับสูงสุดในช่วงหลายปีที่ผ่านมาได้อย่างรวดเร็วจากแรงซื้อของนักลงทุนรายย่อยเป็นสำคัญ

ก้าวถัดไปของ Stock Connect ที่ค่อนข้างสำคัญ คือ ขณะที่ล่าสุดทางการจีนเองยังคงมีแผนในการเชื่อมโยงของตลาดหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่เพิ่มเติม โดยนำตลาดหุ้นเซินเจิ้น (ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตลาดหุ้นในจีนนอกจากตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้) ซึ่งมีขนาดใหญ่ประมาณ 30% ของ Market Cap. หุ้นจีนทั้งหมดเชื่อมโยงกับตลาดหุ้นฮ่องกงในช่วงครึ่งหลังของปี 2558 หลังจากที่เชื่อมโยงตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้และฮ่องกงประสบความสำเร็จไปเรียบร้อยแล้ว โดยปัจจุบันตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ที่มีสัดส่วนของของหุ้นในกลุ่มการเงิน กลุ่มการผลิตอุตสาหกรรมและพลังงาน เป็นส่วนใหญ่ของตลาด ขณะที่ตลาดหุ้นเซินเจิ้นจะมีน้ำหนักสัดส่วนการลงทุนในหุ้นไอที การเงิน และสินค้าฟุ่มเฟือย เป็นหลัก

การเชื่อมต่อดังกล่าวทำให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงหุ้นที่มีความหลากหลายในจีนได้เพิ่มเติม ซึ่งผมมองว่าการเชื่อมโยงฯ ดังกล่าวจะช่วยสนับสนุนความน่าสนใจของตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงให้มีความน่าสนใจเพิ่มขึ้นอีก จากเป็นการเพิ่มทางเลือกให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในหุ้นจีนได้เพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีข้อจำกัดในการลงทุนและความน่าสนใจของขนาดตลาดที่กว้างขึ้นกว่าเดิมจากทั้งข้อดีของจำนวนหุ้นและกลุ่มอุตสาหกรรมที่หลากหลายมากขึ้น

รวมทั้งการสร้างความเชื่อมั่นและความโปร่งใสของการลงทุนในตลาดหุ้นและช่วยลดส่วนต่างของราคาหุ้นทั้ง 2 ตลาดได้ หลังจากที่ราคาหุ้นจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นจีน (A-Share) ในปัจจุบันยังคงสูงกว่าราคาหุ้นจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง (H-Share) พอสมควร โดยเฉพาะกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เช่น หุ้น China Construction Bank (CCB) และ Industrial and Commercial Bank of China (ICBC) ที่มีส่วนต่าง A-Share และ H-Share กว่า 18% และ 7% ตามลำดับ

ซึ่งท้ายที่สุดเชื่อว่านอกจากประโยชน์ของการเชื่อมโยงฯ ที่จะช่วยลดส่วนต่างของราคาหุ้นแล้วนั้น อีกหนึ่งประเด็นสำคัญจากการเชื่อมโยงตลาดฯ ได้แก่ การสร้าง Momentum ของตลาดหุ้นทั้ง 3 ตลาดที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากแรงสนับสนุนของนักลงทุนรายย่อยจากการเปิดกว้างของช่องทางดังกล่าว และอีกหนึ่งแรงสนับสนุนจากนักลงทุนสถาบันประเภทกองทุนรวมที่ทางการจีนได้อนุมัติให้เข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นฮ่องกงได้ ทำให้มองว่าจีนยังเป็นตลาดหุ้นที่น่าจะไปต่อได้

ในส่วนของ บลจ.วรรณ เห็นโอกาสที่หุ้นจีนยังสามารถสร้างผลตอบแทนได้ในช่วงปีนี้จึงเสนอขายกองทุนเปิด วรรณ ไชน่า แวลู 5/3 ฟันด์ ออกมารองรับจังหวะหุ้นจีนดังกล่าว โดยกองทุนฯ นี้จะเสนอขายระหว่างวันที่ 8-22 เม.ย. 58 โดยมีเป้าหมายเลิกโครงการที่ 5% ในระยะเวลา 5 เดือน โดยจะเน้นการลงทุนในหน่วยลงทุน ETF ประมาณ 60% โดยกระจายการลงทุนเป็นหน่วยลงทุน ETF ประเภท H-Share (ซึ่งเป็นหุ้นจีนที่ซื้อขายในฮ่องกง) 40%

ขณะที่มีกระจายการลงทุนในหน่วยลงทุน ETF ประเภท   A-Share (หุ้นจีนที่ซื้อขายในจีน) เพื่อกระจายการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ยังไม่ครอบคลุมใน H-Share อีก 20% รวมทั้งคัดเลือกหุ้น (Stock Selection)  ในหุ้นที่ได้รับอานิสงส์จากการเติบโตของเศรษฐกิจและมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐเพื่อสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่มให้กับกองทุนอีก 40% โดยเฉพาะกลุ่มธนาคารพาณิชย์ โครงสร้างพื้นฐาน ประกัน และกลุ่มสื่อสาร เป็นต้น

ข่าวล่าสุด

ทองคำพุ่งทำสถิติใหม่ ทะลุ 4,400 ดอลลาร์ครั้งแรก จากคาดการณ์เฟดลดดอกเบี้ย