posttoday

TAN เคาะราคาไอพีโอ 16.50 บาท/หุ้น เปิดจองซื้อ 9-11 ต.ค.นี้

06 ตุลาคม 2566

“ธนจิรา รีเทล คอร์ปอเรชั่น” หรือ TAN เคาะราคาไอพีโอ 16.50 บาท/หุ้น เปิดจองซื้อวันที่ 9-11 ต.ค.66 เล็งเทรดภายใน ต.ค.นี้ ระดมทุนขยายระบบนิเวศทางธุรกิจ ปรับโครงสร้างเงินทุน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน พร้อมวาง 5 กลยุทธ์ มุ่งสู่บริษัทไลฟ์สไตล์ชั้นนำระดับภูมิภาค

นายพงศ์ศักดิ์ พฤกษ์ไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญ ของ บริษัท ธนจิรา รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TAN เปิดเผยว่า หลังจาก TAN ได้รับอนุญาตให้เสนอขายหลักทรัพย์ฯ จากสำนักงาน ก.ล.ต. ปัจจุบันแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (Filing) มีผลใช้บังคับแล้ว โดยจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวนไม่เกิน 77.5 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 25.8% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญครั้งนี้ 

ล่าสุด ได้กำหนดราคาเสนอขาย IPO ที่ 16.50 บาทต่อหุ้น และจะเปิดให้นักลงทุนจองซื้อในวันที่ 9-11 ต.ค.2566 และคาดว่าจะสามารถนำหุ้น TAN เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้ ภายในเดือน ต.ค.2566 โดยมองว่าราคาดังกล่าวมีความเหมาะสม จากความแข็งแกร่งในการเป็นหนึ่งในผู้นำกลุ่มธุรกิจนำเข้า และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์แฟชั่นระดับลักซ์ชัวรี ที่มีศักยภาพการเติบโต จากการขยายพอร์ตธุรกิจอย่างต่อเนื่อง การต่อยอดธุรกิจจากแบรนด์ภายใต้พอร์ตโฟลิโอ และการขยายธุรกิจเพื่อมุ่งเติบโตในตลาดระดับภูมิภาค 

ทั้งนี้ สำหรับการนำ TAN เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ครั้งนี้ เพื่อขยายระบบนิเวศทางธุรกิจ ผ่านการขยายสาขาของแบรนด์ธุรกิจสินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่นที่กลุ่มบริษัทได้รับสิทธิ์ในปัจจุบัน ปรับโครงสร้างเงินทุนผ่านการชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินจากการลงทุนในช่วงที่ผ่านมา และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการบริหารธุรกิจ เพื่อรองรับการเติบโตในระดับภูมิภาค

โดย TAN ได้ลงนามแต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญ พร้อมแต่งตั้งผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญอีก 3 ราย ประกอบด้วย (1) บริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง จำกัด (มหาชน) (2) บริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) และ (3) บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด
 
นายธนพงษ์ จิราพาณิชกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนจิรา รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TAN กล่าวว่า กลุ่มบริษัทเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจนำเข้าและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์แฟชั่นชื่อดังระดับโลก ที่มีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในการบริหารแบรนด์สินค้าและบริการระดับลักซ์ชัวรี และได้รับความไว้ใจจากแบรนด์แฟชั่นไลฟ์สไตล์ระดับโลกในการบริหารแบรนด์ เพื่อสร้างความนิยมให้แก่แบรนด์ทั้งในประเทศ และระดับภูมิภาค ผ่านการนำเสนอความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่มากด้วยคุณภาพ และถ่ายทอดจุดเด่นของแต่ละแบรนด์สู่ผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ ภายใต้แนวคิด Bring The Best of The Brand to The Best of Thailand และวิชั่นที่มุ่งสู่การเป็นกลุ่มบริษัทไลฟ์สไตล์แฟชั่นชั้นนำระดับภูมิภาค

ปัจจุบัน กลุ่มบริษัทมีแบรนด์สินค้าภายใต้พอร์ตโฟลิโอมากถึง 5 แบรนด์หลัก ได้แก่ Pandora เครื่องประดับเงินชั้นนำจากประเทศเดนมาร์ก  Marimekko แบรนด์ไลฟ์สไตล์ที่โดดเด่นด้านลายพิมพ์และสีสันจากประเทศฟินแลนด์ Cath Kidston สินค้าไลฟ์สไตล์กลิ่นอายโมเดิร์นวินเทจจากประเทศอังกฤษ รวมถึงนำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าแบรนด์ Cath Kidston ในประเทศเวียดนาม HARNN ผลิตภัณฑ์บอดี้แคร์ สกินแคร์ สปา และอโรมาเทอราพี และ Vuddh สินค้าเครื่องหอมสไตล์ไทยร่วมสมัย 

รวมทั้งมีการขยายไปยังธุรกิจสปา ประกอบด้วย 4 แบรนด์ย่อย ที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกัน โดย ณ วันที่ 30 มิ.ย.2566 มีสาขาตั้งอยู่ทั้งในประเทศและต่างประเทศจำนวนทั้งสิ้น 131 สาขา แบ่งออกเป็นสาขาที่กลุ่มบริษัทเป็นเจ้าของ จำนวน 122 สาขา และสาขารูปแบบแฟรนไชส์ จำนวน 9 สาขา และการจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ 

นายธนพงษ์ กล่าวว่า TAN วางเป้าหมายการขยายระบบนิเวศทางธุรกิจ เพื่อสร้างการเติบโตแบบเกื้อหนุนกัน (Group Brand Synergy) ให้แก่แบรนด์ภายใต้กลุ่มบริษัท เพื่อมุ่งสู่การเป็นกลุ่มบริษัทไลฟ์สไตล์แฟชั่นชั้นนำระดับภูมิภาค ผ่าน 5 กลยุทธ์ ได้แก่ 

1) พัฒนาแพลตฟอร์ม Omni-channel เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และขีดความสามารถในการทำกำไร รวมทั้งรองรับการเติบโตในอนาคต กลุ่มบริษัทฯ มุ่งประสบการณ์ในการเลือกซื้อสินค้าแบบไร้ขีดจำกัดผ่านการผสานรวมการซื้อสินค้าทางออนไลน์และการซื้อสินค้าในร้านค้า โดยการขายผ่านช่องทางออนไลน์มีต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องในการขายที่ต่ำกว่า ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการทำอัตรากำไรขั้นต้น และอัตรากำไรสุทธิที่สูงขึ้น และสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง 

2) ขยายช่องทางการจำหน่ายและให้บริการอย่างต่อเนื่อง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมุ่งเน้นการขยายสาขารูปแบบ Concept Store เพื่อสร้างประสบการณ์เกี่ยวกับแบรนด์ (Brand Experience) และถ่ายทอดเรื่องราวของสินค้า (Story Telling) ในแต่ละ Collection ในพื้นที่ที่มีศักยภาพ เช่น ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า และสนามบิน ตามหัวเมืองใหญ่ที่มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นและมีกำลังซื้อของผู้บริโภคในระดับกลางถึงสูง เมืองท่องเที่ยว เป็นต้น 

3) เพิ่มการเติบโตของยอดขายของสาขาเดิม  (Same Store Sales Growth) โดยมุ่งเน้นนำเสนอสินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่นที่หลากหลาย ออก Collection สินค้าใหม่ๆ และการทำ Visual Merchandising เพื่อขยายฐานลูกค้า และเพิ่มยอดซื้อต่อบิล (Ticket Size) ผ่านการใช้กลยุทธ์ต่างๆ เช่น Co-Branding กับแบรนด์ที่มีชื่อเสียง นำเสนอสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ และการใช้ Influencer Marketing สร้างการรับรู้ของแบรนด์และสร้างฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง

4) รักษาคุณภาพของสินค้าและการให้บริการที่เป็นเลิศ เพื่อสร้างความจงรักภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty) ผ่านการให้ความสำคัญกับทุกรายละเอียด ให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดี มีความประทับใจต่อสินค้าและการบริการของแบรนด์ 

และ 5) นำเสนอแบรนด์ผลิตภัณฑ์ใหม่หรือขยายสู่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อขยายพอร์ตโฟลิโอให้แข็งแกร่งโดยการเพิ่มแบรนด์สินค้าใหม่ผ่านการเป็นผู้จัดจำหน่ายให้กับแบรนด์ชั้นนำจากต่างประเทศ เข้าควบรวมกิจการ หรือจัดตั้งแบรนด์สินค้าใหม่ของกลุ่มบริษัท

นางชิดชนก จังพล รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท ธนจิรา รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TAN กล่าวว่า กลุ่มบริษัทมีรายได้จากการขายในปี 2563-2565 อยู่ที่ 911.39 ล้านบาท 764.87 ล้านบาท และ 1,257.50 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตราเติบโตเฉลี่ย 11.33% ต่อปี 

ขณะที่ผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย.) ของปี 2566 มีรายได้จากการขาย 655.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.01% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 71.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 88.14% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าในช่วงการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 จะส่งกระทบต่อการดำเนินงานของกลุ่มบริษัท ทำให้ต้องปิดหน้าร้านสาขาในห้างสรรพสินค้าชั่วคราว ตามมาตรการของภาครัฐในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 

รวมถึงการจำกัดการเดินทางเข้าประเทศของนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากประเทศจีน ประเทศญี่ปุ่น ประเทศรัสเซีย และกลุ่มประเทศในทวีปยุโรป ทำให้รายได้จากการขายผ่านหน้าร้านสาขาในปี 2564 ลดลงเล็กน้อย 

อย่างไรก็ตาม กลุ่มบริษัทได้ปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจโดยมุ่งเน้นการขายผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น ตามการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค ทำให้ในปี 2564 กลุ่มบริษัทมีรายได้จากการขายผ่านช่องทางออนไลน์เติบโตขึ้น 118.78% 

ทั้งนี้ จากปัจจัยพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่ง ผสานรวมกับความเชี่ยวชาญในการบริหารแบรนด์ผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ และความเข้าใจในพฤติกรรมของผู้บริโภค ทำให้สามารถปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจให้ทันต่อสถานการณ์ ส่งผลให้ผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ ฟื้นตัวอย่างโดดเด่นและเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ข่าวล่าสุด

สวนดุสิตโพล เปิด 5 อันดับ “นักการเมือง” ประชาชนเชียร์นั่งนายกฯ