posttoday

LHFG วางเป้าขึ้นแท่นแบงก์ขนาดกลางภายในปี 73 ปักธงสินเชื่อรวมปี 67 โต 8-10% 

28 กุมภาพันธ์ 2567

LHFG ตั้งเป้าปี 73 ยกระดับสู่แบงก์ขนาดกลาง ส่วนปี 67 วางกลยุทธ์มุ่งขยาย SMEs-รายย่อย ดันสินเชื่อรวมโต 8-10% NPL ไม่เกิน 3%

นายฉี ชิง-ฟู่ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ LHFG และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH Bank เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2567 มีแนวโน้มขยายตัวเล็กน้อยราว 2.8% ปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อน เติบโต 1.9% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการบริโภคภายในประเทศ การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว จากการกระตุ้นภาครัฐและรายได้ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 

นอกจากนี้ การส่งออกที่กลับมาขยายตัวเนื่องจากการปรับตัวของสินค้าคงคลังในห่วงโซ่อุปทานโลกมีแนวโน้มจะสิ้นสุดลง และการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDIs) ซึ่งเป็นผลดีต่อไทยเนื่องจากนโยบายของรัฐบาลที่สนับสนุนธุรกิจและโครงสร้างพื้นฐานที่ดี 

ในขณะที่การลดความเสี่ยงของการกระจุกตัวของห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกยังคงดำเนินต่อไป การเติบโตทางเศรษฐกิจดังกล่าวจะสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยให้ธนาคารพาณิชย์โดยรวมเติบโต           

อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยยังเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงหลายประการ ได้แก่ อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่อยู่ในระดับสูงของประเทศเศรษฐกิจหลัก และปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังยืดเยื้อ อาทิ สงครามรัสเซีย-ยูเครน ความขัดแย้งอิสราเอล-ฮามาส รวมถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ปัจจัยเหล่านี้สร้างความไม่แน่นอนต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดทุนไทย

สำหรับปี 2567 ธนาคารยังคงเดินตามแผนเชิงกลยุทธ์และขับเคลื่อนการเติบโตผ่านการขยายฐานลูกค้าทั้งลูกค้ารายย่อยและ SMEs ผ่านช่องทางดิจิทัล พันธมิตรทางธุรกิจ ตลอดจนรูปแบบการทำงานและกระบวนใหม่โดยมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน สำหรับการดำเนินการหลัก ได้แก่

1.การมุ่งเติบโตในพอร์ตสินเชื่อที่สร้างผลตอบแทนที่ดี ผ่านการจัดการด้านอัตราดอกเบี้ย และการจัดการต้นทุนเงินให้มีประสิทธิภาพ การเพิ่มฐานลูกค้า SME โดยการทำ Program Lending & Package Solution ที่ออกแบบสำหรับแต่ละอุตสาหกรรม พร้อมปรับกระบวนการทำงาน เพื่อการพิจารณาสินเชื่อที่รวดเร็ว และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

การพัฒนาบริการและความรู้ของเจ้าหน้าที่ การให้คำปรึกษาทางการเงินและทางธุรกิจกับ SME เพื่อสนับสนุนการเติบโตของลูกค้าอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน และขยายสินเชื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อ Refinance โดยตั้งเป้าหมายเติบโต 20% รวมทั้งพัฒนาผลิตภัณฑ์ Wealth ผลิตภัณฑ์เงินฝาก ผลิตภัณฑ์การลงทุน ผลิตภัณฑ์ประกันที่ออกแบบพิเศษสำหรับลูกค้าทุกกลุ่ม

ทั้งนี้ ในปี 2567 ธนาคารตั้งเป้าหมายสินเชื่อเติบโต 8-10% จากปีก่อน คิดเป็นสินเชื่อปล่อยใหม่ประมาณ 20,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันมีพอร์ตสินเชื่อคงค้าง 250,000 ล้านบาท 

สำหรับการเติบโตสินเชื่อดังกล่าว แบ่งเป็นสินเชื่อรายย่อย เติบโต 20% คิดเป็นสินเชื่อปล่อยใหม่ประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันมีพอร์ตสินเชื่อคงค้าง 50,000 ล้านบาท ขณะที่สินเชื่อรายใหญ่ และ SME เติบโต 10% จากปีก่อน 

จากการที่ธนาคารวางกลยุทธ์มุ่งขยายไปยังฐานลูกค้า SMEs และรายย่อยมากขึ้น โดยการเพิ่มสินค้าและบริการ ประกอบกับประเมินความเสี่ยงสินเชื่อเพิ่มขึ้น ทำให้คาดว่า NPL ในปี 2567 จะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับไม่เกิน 3% จากสิ้นปี 2566 อยู่ที่ 2.7% 

ขณะที่เป้าหมายทางการเงินปี 2567 ตั้งเป้าหมายรายได้หลักเติบโต 10-12%, รายได้จากดอกเบี้ย (NII)  เติบโต 12-15%, ค่าธรรมเนียม เติบโต 10-15%, อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ไม่เกิน 45%, ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIM) 2.5-2.6%

นอกจากนี้ ธนาคารมีเป้าหมายยกระดับขึ้นเป็นธนาคารขนาดกลาง ภายในปี 2573 โดยมุ่งใช้ดิจิทัลขยายสินเชื่อ และฐานลูกค้ามากขึ้น

2.ยกระดับบริการทางการเงินผ่าน Digital Platform การพัฒนาแอปพลิเคชัน LHB You และ Profita อย่างต่อเนื่องเพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการทางการเงินและการลงทุนอย่างครบวงจร ควบคู่ไปกับการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการทำธุรกรรมออนไลน์

ขณะเดียวกัน ในปี 2567 ธนาคารตั้งเป้าหมายปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคลผ่านช่องทางดิจิทัล (Digital Lending) 1,000 ล้านบาท จากปึก่อน มีการปล่อยสินเชื่อไปแล้ว 300-400 ล้านบาท

3.การให้ความสำคัญกับ Sustainable Banking เพื่อมุ่งสู่การเป็นองค์กรแห่งความยั่งยืน มุ่งเน้นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ทั้งจากการดำเนินของธุรกิจธนาคารเอง และของลูกค้าที่ได้รับการสนับสนุนสินเชื่อจากธนาคาร (Financed Emission) การสนับสนุนสินเชื่อเพื่อสิ่งแวดล้อม และสินเชื่อเพื่อสนับสนุนธุรกิจในการลงทุนเพื่อการเปลี่ยนผ่านสู่การลดก๊าซเรือนกระจก (Transition Loan) การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม(Responsible Lending) รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลด้าน ESG ตามมาตรฐานสากล

นายมนรัฐ ผดุงสิทธิ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด หรือ LH Fundกล่าวว่า ปี 2567 กลยุทธ์ของบริษัทมุ่งเน้นไปที่การสร้างผลการดำเนินงานในกองทุนตราสารทุนไทยและต่างประเทศให้เหมาะสมกับความเสี่ยง โดยมีเป้าหมายขยายฐานลูกค้าให้มีความหลากหลายมากขึ้น และมุ่งมั่นที่จะบริหารกองทุนรวมให้อยู่ใน Top Quartiles และนำเสนอข้อมูลกองทุนที่เหมาะสมและทันต่อสภาวะตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รวมทั้งมุ่งเน้นพัฒนาการให้บริการแบบครบวงจรสำหรับลูกค้ากองทุนส่วนบุคคล 

สำหรับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ บริษัทมีเป้าหมายที่จะขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น และจัดให้มีการให้ความรู้แก่สมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพอย่างต่อเนื่อง และธุรกิจกองทุนอสังหาริมทรัพย์และ REITs บริษัทมีเป้าหมายการบริหารจัดการกองทุนให้เติบโต และการลงทุนในสินทรัพย์ใหม่ๆ รวมทั้งเน้นการสร้างนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการขยายธุรกิจในส่วนของ REIT Trustee

นายกานต์ อรรถธรรมสุนทร กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (LH Securities) กล่าวว่า กลยุทธ์ปี 2567 บริษัทมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการทั้งด้านระบบเทคโนโลยีและด้านการให้คำแนะนำการลงทุน และมุ่งเติบโตผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์ม และการเพิ่มจำนวนลูกค้าใหม่ รวมทั้งเพิ่มการมีส่วนร่วม (Engagement) ของลูกค้าเดิม การดำเนินธุรกิจใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและการให้บริการที่ครบวงจร