posttoday

ใครรุ่ง ใครร่วง? บทสรุปอุตสาหกรรมยานยนต์ปี 2025 และทิศทางปี 2026

15 ธันวาคม 2568

Supercar บูมสวนกระแส! ปี 2025 คือปีทองของรถยนต์หรู แบรนด์อย่าง Ferrari, Bugatti และ Pagani กวาดยอดจองยาวข้ามปี สวนทางกับตลาด EV และรถยนต์ทั่วไปที่ชะลอตัว

KEY

POINTS

  • 2025 คือปีทองของ Supercar แบรนด์อย่าง Ferrari, Bugatti และ Pagani กวาดยอดจองยาวข้ามปี สวนทางกับตลาด EV และรถยนต์ทั่วไปที่ชะลอตัวจากการแข่งขันของค่ายรถจีน
  • Porsche และ Tesla เผชิญปีที่ยากลำบาก โดย Porsche ประสบปัญหาสถานะทางการเงินจนหลุดดัชนีหุ้นหลักของเยอรมนี ส่วน Tesla เสียส่วนแบ่งการตลาดและเจอกระแสต่อต้านตัว Elon Musk
  • จับตาปี 2026 การแข่งขันจะย้ายไปสู่สนาม Formula 1 เมื่อ Audi และ Cadillac กระโดดเข้าร่วมวง หวังใช้มอเตอร์สปอร์ตพลิกฟื้นภาพลักษณ์และดึงดูดฐานลูกค้าใหม่

 

หากย้อนกลับไปเมื่อปี 2019 หลายคนอาจเคยตั้งคำถามว่า เรามาถึงจุดอิ่มตัวของ "ซูเปอร์คาร์" แล้วหรือยัง? แต่เมื่อมองดูภาพรวมของปี 2025 ที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าสมมติฐานนั้นผิดถนัด

 

ปี 2025 สมควรได้รับการจารึกว่าเป็น "ปีแห่งซูเปอร์คาร์" อย่างแท้จริง ดูเหมือนว่าจะไม่มีเพดานจำกัดสำหรับความต้องการรถยนต์สมรรถนะสูง ไม่ว่าจะเป็น Bugatti, Pagani, Koenigsegg หรือ Ferrari หรือ Lamborghini

 

ในขณะที่ค่ายรถดั้งเดิมกำลัง "เมาหมัด" จากกำแพงภาษี ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ชะลอตัว และการรุกคืบของแบรนด์รถจีน แต่แบรนด์หรูเหล่านี้กลับโกยกำไรเป็นกอบเป็นกำ พร้อมยอดจองที่ยาวเหยียดจนลูกค้าต้องรอรถนานข้ามปี

 

Porsche 911 GT3

 

ตลาดรถยนต์ Luxury โตสวนกระแส 

 

ภาพรวมตลาดรถหรูในปี 2025 ถือว่าเติบโตอย่างโดดเด่น  ราคาเฉลี่ยของรถใหม่ในเซกเมนต์นี้ในสหรัฐฯ พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เหนือ 50,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.7 ล้านบาท) 

 

และที่น่าสนใจคือ "เกียร์กระปุก" กลับมาเป็นที่ต้องการอย่างสูงในหมู่ลูกค้ากระเป๋าหนักที่โหยหาการขับขี่แบบดั้งเดิม รวมถึงกระแสการสั่งผลิตรถแบบ Custom ที่สะท้อนตัวตนเจ้าของก็เติบโตขึ้นอย่างชัดเจน

 

ในทางกลับกัน แม้ยอดขาย EV ทั่วโลกจะยังเติบโต แต่ก็แผ่วลงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ค่ายใหญ่อย่าง Audi, Ford, GM และ Volvo ต่างได้รับผลกระทบจาก "รถ EV จีน" ที่มีคุณภาพดีและราคาเข้าถึงง่าย

 

ประกอบกับการสิ้นสุดมาตรการอุดหนุนของรัฐ และประเด็นทางการเมืองที่ทำให้รถไฟฟ้ากลายเป็นหัวข้อถกเถียงที่ละเอียดอ่อนในหลายครอบครัว

 

Tesla Model S

 

2025 ปีมรสุมของ Tesla และ Porsche

 

สำหรับปี 2025 ถือว่าเป็นปีที่ Tesla ต้องเผชิญกับความยากลำบาก ทั้งยอดขายและกำไรที่ลดลงทั่วโลก พร้อมส่วนแบ่งการตลาดในสหรัฐฯ ที่หดหาย ซ้ำยังต้องรับมือกับคดีความเรื่องระบบประตูขัดข้องขณะเกิดอุบัติเหตุ

 

และกระแสต่อต้านซีอีโอ Elon Musk ที่รุนแรงถึงขั้นลูกค้าบางรายต้องติดสติกเกอร์แก้ตัวท้ายรถว่า "ซื้อรถก่อนที่จะรู้ว่า Elon เป็นแบบนี้"

 

ด้าน Porsche ถือเป็นแบรนด์ที่เจ็บหนักที่สุด สาเหตุหลักมาจากปัญหาการเงินและรถ EV รุ่นใหม่อย่าง Taycan และ Macan ไม่เปรี้ยงปร้างอย่างที่หวัง แม้จะทุ่มงบการตลาดจ้างดาราฮอลลีวูดมาเป็นพรีเซนเตอร์ก็ตาม

 

ส่งผลให้ Porsche ถูกถอดออกจากดัชนีหุ้นหลักของเยอรมนีในเดือนกันยายน หลังปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการถึง 3 ครั้ง หุ้นของบริษัทร่วงลงกว่า 33% และต้องเผชิญกับการขาดทุนรายไตรมาสครั้งแรกถึง 3.1 พันล้านยูโร

 

สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายเมื่อลูกค้าประจำเริ่มบ่นเรื่องราคาที่แพงเกินจริงและการยัดเยียดระบบดิจิทัลในห้องโดยสารมากเกินไปจนขาดจิตวิญญาณแห่งความเป็น  Porsche จนนำไปสู่การเปลี่ยนตัวผู้บริหารครั้งใหญ่  โดย Michael Leiters จะเข้ามารับตำแหน่งซีอีโอ Porsche ในวันที่ 1 มกราคมนี้

 Amalfi twin-turbo V-8

 

Ferrari ผงาดเหนือคู่แข่ง

 

ในขณะที่คู่แข่งสะดุดขาตัวเอง Ferrari กลับทำผลงานได้โดดเด่นที่สุด บริษัทรักษาระดับกำไร (Profit Margin) ได้อย่างมหาศาล มียอดจองเต็มยาวไปจนถึงปี 2027 ทิ้งห่างแบรนด์คู่แข่งอย่าง Aston Martin แบบไม่เห็นฝุ่น

 

กุญแจความสำเร็จคือ Ferrari พึ่งพาตลาดจีนน้อยกว่า 10% จึงไม่เจ็บตัวจากเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว นอกจากนี้ การตัดสินใจ "ชะลอ" แผนรถยนต์ไฟฟ้า (ปรับเป้าขาย EV เหลือเพียง 20% ภายในปี 2030) ช่วยรักษามูลค่าแบรนด์และราคารถมือสองไม่ให้ตกต่ำเหมือน Porsche Taycan

 

แม้ราคาเฉลี่ยของ Ferrari จะสูงกว่า Porsche ถึง 4 เท่า แต่ลูกค้าเก่ากว่า 80% ยังคงกลับมาซื้อซ้ำ และรุ่นใหม่อย่าง "Amalfi" ก็กำลังเป็นที่จับตามอง ทำให้บัลลังก์ของม้าลำพองยังคงแข็งแกร่งต่อไปในระยะยาว

 

Audi Concept C

 

จับตาปี 2026 เดิมพันครั้งใหม่ในสนาม F1

 

สำหรับปีหน้า สายตาของวงการจับจ้องไปที่ Audi และ Cadillac ที่จะกระโดดเข้าสู่สังเวียน Formula 1 ในปี 2026

 

  • Cadillac: การเข้าสู่ F1 ในฐานะทีมที่ 11 คือก้าวสำคัญที่จะลบภาพลักษณ์ "รถสำหรับวัยค่อนคน" โดยเลือกนักแข่งอย่าง Valtteri Bottas และ Sergio Perez มาเรียกกระแส หวังใช้ความนิยมของ F1 ในสหรัฐฯ ที่พุ่งสูงขึ้นเพื่อยกระดับแบรนด์ให้เทียบชั้น BMW และ Mercedes-Benz

 

  • Audi: เตรียมเทคโอเวอร์ทีม Sauber เพื่อปลุกกระแสแบรนด์ที่เงียบเหงาไปหลายปี โดย Audi มีประวัติศาสตร์การแข่งรถที่ยาวนานกว่าศตวรรษ และมีแนวโน้มจะทำผลงานได้ดีกว่าคู่แข่งจากอเมริกาในช่วงเริ่มต้น

 

นอกจากนี้ Audi ยังเตรียมปล่อยของดีอย่าง "Concept C" รถต้นแบบดีไซน์ล้ำยุคที่เปิดตัวไปในมิลาน ซึ่งจะเป็นพิมพ์เขียวของ Audi ยุคใหม่ ผสมผสานความทันสมัยกับกลิ่นอายตำนานอย่าง Audi TT และ R8

 

ด้วยทิศทางที่น่าตื่นเต้นเหล่านี้ แนวโน้มของรถสปอร์ตหรูระดับไฮเอนด์ดูเหมือนจะยังคงร้อนแรงต่อเนื่องไปจนถึงปี 2026 และปีต่อๆ ไปอย่างแน่นอน

 

อ้างอิง: Bloomberg

 

ข่าวล่าสุด

"พลังงาน" สั่งเข้ม! ตรวจสอบปริมาณส่งออกน้ำมัน ทางบก-เรือ พร้อมร่วมมือกองทัพสกัดลักลอบส่งน้ำมันเข้ากัมพูชา