posttoday

นักวิชาการ ชี้ไม่มีเงินดิจิทัล วอลเล็ต เศรษฐกิจไทยยังโตได้ 3%

22 มกราคม 2567

ดร.สมชาย เชื่อมีหรือไม่มีเงินดิจิทัล วอลเล็ต จีดีพีปี 67 ยังขยายตัวได้ 3% ต่อปี แนะรัฐบาลโหมท่องเที่ยว-ส่งออก กระตุ้นเศรษฐกิจแทน หลังแจกเงินไม่เป็นไปตามไทม์ไลน์

รศ.ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์และการเมือง กล่าวว่า แม้รัฐบาลจะออกมายอมรับว่า โครงการเติมเงิน 10000 บาท ผ่าน Digital Wallet  แจกได้ไม่ทันตามไทม์ไลน์เดิมที่กำหนดไว้ คือ 1 พ.ค.2567 แต่ก็ไม่มีผลกต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2567 เพราะมองว่า เงินดิจิทัลวอลเล็ต ไม่ได้มีน้ำหนักกับเศรษฐกิจมากนัก โดยศักยภาพของเศรษฐกิจไทยเองในตอนนี้ สามารถขยายตัวได้เกิน 3% อยู่แล้ว ดูได้จากแม้งบประมาณปี 2567 ล่าช้า กว่าจะใช้ได้ก็เดือน พ.ค.2567 เศรษฐกิจยังสามารถขยายตัวได้ดี ดังนั้นเชื่อว่า ไม่มีเงินดิจิทัลวอลเล็ต ก็ไม่ทำให้จีดีพีของเศรษกิจไทยเปลี่ยนแปลง

 

“แจกไม่ทันก็ไม่เป็นไร เพราะเงินดิจิทัลไม่ได้มีน้ำหนักกับเศรษฐกิจมาก ต่อให้ไม่มีเศรษฐกิจไทยก็ยังไปได้ ยังขยายตัว 3% แต่รัฐบาลต้องทำการบ้านให้มาก โดยโหมการท่องเที่ยว และการส่งออกให้หนัก ท่องเที่ยวตอนนี้ก็ขยายตัวไปได้เยอะ เงินดิจิทัลเพียงเป็นตัวนึงกระตุ้นเศรษฐกิจที่เขาเพิ่ม เพื่อเข้ามาทำตามสัญญาประชาชนเท่านั้นเอง” รศ.ดร.สมชาย กล่าว 
 


ส่วนการเดินหน้าออกพ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท เพื่อเดินหน้าโครงดิจิทัลวอลเล็ตฯ ของรัฐบาลเศรษฐา จะเดินมาถึงทางตันหรือไม่  ไม่สามารถตอบแทนได้ เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องมาประเมิน และหาทางออกให้ได้ เพราะขณะกฤษฎีกาเองยังไม่ฟันธง โดยระบุให้เป็นดุลพินิจรัฐบาล ใน 2 กรณีสำคัญ 1.เป็นความเร่งด่วนตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ และ2.เป็นไปตามวินัยทางการเงินคลัง หรือไม่ ซึ่งถือเป็นความท้าทายของรัฐบาลที่จะต้องหาคำตอบมาอธิบายให้ได้

 

“ถือเป็นโจทย์หินที่รัฐบาลต้องตอบให้ได้ ว่าเศรษฐกิจวิกฤตอย่างไร แต่ที่สำคัญที่สุดจะสร้างปัญหาต่อเสถียรภาพประเทศ และจะป้องปรามไม่ให้กระทบต่อวินัยการเงินและการคลังของประเทศได้อย่างไร ขณะเดียวกันรัฐบาลเองก็ต้องพยามทำให้ตัวเองปลอดภัยท่ามกลางความไม่แน่นอน เพราะขณะกฤษฎีกาเองยังไม่ฟันธง” รศ.ดร.สมชายกล่าว

 

รศ.ดร.สมชายกล่าวต่อว่า เหตุผลที่รัฐบาลยังประกาศจุดยืนเดินหน้าออกพ.ร.บ.กู้เงิน เพื่อเดินหน้าโครงการเงินดิจิทัลนั้น เพราะเป็นหนทางเดียวในขณะนี้ที่จะหางบประมาณ เนื่องจากไม่สามารถหันไปกลับงบประมาณปกติได้แล้ว ดังนั้นทางสุดท้ายก็คือการก่อหนี้เพิ่ม 

 

ส่วนประเด็นที่หลายฝ่ายกังวลว่า โครงการเงินดิจิทัล อาจซ้ำรอย โครงการจำนำข้าวนั้น เห็นว่าเป็นคนละเรื่องกัน โครงการจำนำข้าวจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับเรื่องคอรัปชั่น ที่เหมือนกันเรื่องถูกหรือผิดกฎหมาย คือ การออกพ.ร.บ.กู้เงินต้องพิจารณาว่าเป็นไปตามกฎหมายรัฐธณรมนูญหรือไม่ และ2.เป็นไปตามวินัยการเงินการคลังหรือไม่ ไม่อยากมองเป็นเรื่องเดียวกัน