นายกฯ ยอมรับถกผู้ว่าธปท.ปมดอกเบี้ย ยันไม่ก้าวก่ายองค์กรอิสระ

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ว่า การหารือกับผู้ว่าธปท.เป็นการพูดคุยกันถึงภาพรวมทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นการพูดคุยกันทุกเดือนอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามยอมรับว่า ได้มีการพูดถึงทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย รวมทั้งผลดีและผลเสียที่เกิดขึ้น ซึ่งทางรัฐบาลก็พยามบอกถึงสถานการณ์ตลาดปัจจุบันว่าเป็นอย่าไร รวมถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในขณะนี้ 

ซึ่งท่านผู้ว่าธปท.เองก็ได้อธิบายว่าขณะนี้ดำเนินเรื่องใดอยู่บ้าง เช่น มาตรการการแก้ไขปัญหานี้สินภาคครัว โดยยืนยันว่า ตนหรือ รัฐบาลไม่ได้มีการเข้าไปแทรกแซงการทำงานของธปท.แต่อย่างใด ซึ่งการพูดคุยในครั้งนี้ ถือว่าเป็นแนวโน้มที่ดี เพราะได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกัน พร้อมมีการพูดคุยทุกสัปดาห์ หรือจะไปหารือกันที่ธปท.

ส่วนเงินเฟ้อที่ติดลบต่อเนื่อง เพราะเกิดจากมีมาตรการอุดหนุนราคาพลังงานของรัฐบาลเข้าแทรกแทรงนั้น ประเด็นนี้ก็ได้มีการพูดคุยกัน ซึ่งต้องยอมรับว่ามาตรการดังกล่าว เป็นสิ่งที่ประชาชนเรียกร้อง ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาลต้องลดรายจ่ายช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ซึ่งจากนี้เราต้องไปดูโครงสร้างราคาพลังงานในระยะยาวว่า จะทำอย่างไรให้ราคาพลังงานเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายได้ 

“ผมไม่มีอำนาจเข้าไปก้าวก่ายใคร ซึ่งแบงก์ชาติก็เป็นองค์กรที่มีความเป็นอิสระ ไม่ได้ไปสั่งอะไรเป็นเพียงการอธิบายเหตุผลในแง่ภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศ และในต่างประเทศ รวมทั้งสถานการของเงินเฟ้อที่ติดลบ ซึ่งในรายละเอียดเรื่องนี้ให้แบงก์ชาติแถลงเอง เราให้เกียรติกัน เราคุยกันถึงหัวข้อใหญ่ๆมากกว่า” นายเศรษฐา กล่าว 

นายเศรษฐา กล่าวตอว่า ในการประชุมครั้งนี้ ไม่ได้มีการพูดคุยกันถึงเรื่องการเดินหน้าโคงการเติมเงิน 1 หมื่นบาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต เนื่องจากมองว่า ควรคุยในการประชุมคณะกรรมการนโยบายเติมเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต (บอร์ดใหญ่) เพราะเป็นที่ที่เปิดเผย ไม่มีเรื่องการล็อบบี้กัน สามารถแสดงความคิดเห็นกันได้อย่างตรงไปตรงมา โดยขณะนี้ยังไม่ได้มีกำหนดวันประชุมบอร์ดใหญ่ว่าจะมีขึ้นเมื่อใด 

“เราไม่ได้มีการโน้มน้าว มีการพูดคุยในคณะกรรมการฯชุดใหญ่ เราควรไปถกเถียงกันวันนั้นจะได้เป็นที่กระจ่างใครคิดอย่างไร ไม่อยากพูดคุยในที่มืด ไม่ดีหรอก โดยไม่มีการพูดถึงเรื่องวิกฤตหรือไม่วิกฤต แต่เป็นการพูดคุยเรื่องในภาพใหญ่เท่านั้น” นายเศรษฐา กล่าว

นายเศรษฐา กล่าวต่อว่า อีก 2-3 วัน ตนจะไปสอบถามถึงสถานการณ์เอกชนหลายแห่งเริ่มเลื่อนจ่ายหุ้นกู้ที่จะครบกำหนด และอาจจะมีปัญหาเรื่องการผิดนัดชำระกับกระทรวงการคลัง ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้สั่งการให้กระทรวงการคลังดูแลเรื่องนี้อย่างใช้ชิด รวมถึงให้มองในระยะยาวถึงหุ้นกู้ที่มีความเสี่ยงสูง ต่ำกว่ามาตรฐานการลงทุนว่า ต้องไปพูดคุย และหาแนวทางดำเนินการดูแลอย่างไร อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ากระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตระหนักความสำคัญของปัญหานี้อยู่แล้ว