เปิดอาณาจักร"ซิซซา กรุ๊ป" เปิดลงทุนแบบใหม่ “เมดิคอล เวลเนส รีสอร์ต”
“ซิซซา กรุ๊ป”บูม“เมดิคอล เวลเนส รีสอร์ต”หนุนภูเก็ตก้าวสู่ “Medical Hub”อาเซียน พร้อมยึดหัวหาด "บางเทา-ลายัน-ราไวย์-ในหาน"ผุดพูลวิลล่า มูลค่ากว่า 8 พันล้านบาท ขอเวลา 3ปีสร้างผลงาน วาดฝันระดมทุน IPO-REIT-TOKEN
“เราถือเป็นรายแรกๆที่ทำ“เมดิคอล เวลเนส รีสอร์ต” มีคู่แข่งน้อย จากนี้ขอเวลา 3 ปีเพื่อเดินหน้าตามแผนที่วางไว้ ทั้งการเปิด 4 โครงการใหญ่ มูลค่ากว่า 8 พันล้านบาท หรือการลุยธุรกิจสตาร์ทอัพ การสร้างแอพพลิเคชั่น JOOYS เป็นต้น เมื่อสร้างทุกอย่างได้สำเร็จ สร้างผลตอบแทนให้นักลงทุนได้ นั่นคือสิ่งที่จะสะท้อนภาพ“ซิซซา กรุ๊ป”ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ส่วนในอนาคตเราจะระดมทุนโดยเสนอขาย IPO หรือ ขายอสังหาฯเข้ากอง REIT หรือ ออก Token ฯลฯ อาจจะตอบชัดเจนไม่ได้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และความเหมาะสมอีกครั้ง” นายอรรถนพ พันธุกำเหนิด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซิซซา กรุ๊ป จำกัด กล่าว
“ซิซซา กรุ๊ป”ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนรูปแบบ Investment Property (IP) ชั้นนำในประเทศไทย มากว่า 10 ปี หัวใจสำคัญคือการดูแลลูกค้าเสมือนดูแลคนในครอบครัว และไม่เคยหยุดพัฒนาสิ่งใหม่ๆ ไม่เคยหยุดเพิ่มโอกาสการสร้างรายได้ที่หลากหลายช่องทาง
โดยวางเป้าหมายรายได้เติบโตเฉลี่ยต่อปีมากกว่า 10% รวมถึงแสวงหาพาร์ทเนอร์เข้ามาเสริมธุรกิจตลอดเวลา
นั่นคือสิ่งที่ทำให้ “ซิซซา กรุ๊ป” แตกต่าง และแข็งแกร่ง
และด้วยการคิดนอกกรอบ ชอบพัฒนาสิ่งที่แปลกใหม่อยู่เสมอ จึงเห็นว่า "เมดิคอล" เป็นโปรดักส์ใหม่ในตลาดเวลเนส รีสอร์ตที่ให้บริการดูแลสุขภาพในโรงแรม และอีกแบบคือการให้บริการเชิงการแพทย์ "คลินิกเฉพาะทาง"
ซึ่ง "ซิซซา กรุ๊ป" เห็นช่องทาง จึงนำทั้งสองบริการมารวมกันเป็น “เมดิคอล เวลเนส รีสอร์ต” เน้นเวชศาสตร์ป้องกันให้มีสุขภาพที่ดีและแข็งแรงด้วยทีมแพทย์ไทยและต่างประเทศ ซึ่งเราถือเป็นรายแรกๆที่ให้บริการรูปแบบนี้
ล่าสุดเปิดให้บริการวินแดม แกรนด์ ในหาน บีช ภูเก็ตพร้อมศูนย์เมดิคอล เวลเนส ตั้งแต่วันที่ 8 ก.ค.66ที่ผ่านมา ปัจจุบันถือว่ามีคู่แข่งน้อยมาก ส่วนผู้ประกอบการรายอื่นก็จะมีจุดขายที่แตกต่างกันไป
อสังหาภูเก็ตสุดฮอต
นับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2565 ต่อเนื่องจนถึงต้นปี 2566 ที่ผ่านมา การท่องเที่ยว จ.ภูเก็ต ถือว่ามีสัญญาณฟื้นตัวในทิศทางที่ดี ด้วยตัวเลขนักท่องเที่ยวกลับมาเพิ่มขึ้นส่งผลดีต่อธุรกิจโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์ โดยลูกค้าหลักคือชาวรัสเซีย ถือว่ามีกำลังซื้อสูงถึง 80%ผลจากการหนีภัยสงครามมาซื้อบ้านหลังที่สองใน จ.ภูเก็ต โดยเฉพาะตลาดพูลวิลล่า ราคา 6-100 ล้านบาทขึ้นไป
ขณะที่การลงทุนรอบเกาะภูเก็ตในปีนี้ ผู้ประกอบการในท้องถิ่นและจากกรุงเทพฯได้พัฒนาโครงการใหม่ๆ โดยเฉพาะพูลวิลล่าเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่จะมีราคาตั้งแต่ 7-30 ล้านบาท ขณะที่ดีมานด์ค่อนข้างสูงแต่ซัพพลายไม่เพียงพอทำให้หลังโควิด-19 คลี่คลาย ยอดขายพูลวิลล่าจึงค่อนข้างดี
“ราคาที่ดินในภูเก็ตตอนนี้เพิ่มขึ้นถึง 20% โดยเฉพาะป่าตอง บางทำเลราคาสูงถึง 200 ล้านบาทต่อไร่ ซึ่งภูเก็ตยังมีพื้นที่ให้พัฒนาพอสมควร แต่ด้วยดีมานด์ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ การแข่งขันไม่สูงเหมือนกรุงเทพฯ โดยทำเลที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือโซนลากูน่า แถวหาดบางเทา หาดลายัน โซนถัดมาคือ ราไวย์ และในหาน ส่วนตลาดคอนโดฯมีการพัฒนาน้อยกว่าเดิม เนื่องจากช่วงวิกฤติโควิด-19 ดีมานด์หันมาซื้อที่อยู่อาศัยประเภทบ้านและวิลล่าเพิ่มขึ้น”
เปิด 4 โครงการใหม่
ในปี 2566 นี้ เตรียมเปิด 4 โครงการใหม่ รวมมูลค่ากว่า 8,000 ล้านบาท เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่มีเข้ามาเพิ่มขึ้น ดังนี้คือ
1. นาใต้ เมดิคอล เซ็นเตอร์ แอนด์ รีสอร์ต มูลค่าการลงทุน 3,300 ล้านบาท พัฒนาเป็นศูนย์สุขภาพและความงาม ควบคู่ไปกับรีสอร์ตหรูระดับ 6 ดาว ปัจจุบันเปิดให้บริการในส่วนของโรงแรมแล้ว ส่วนเมดิคอลฯจะเปิดให้บริการได้
ในไตรมาส 1/67
2. เมดิคอล เวลเนส รีสอร์ต ในพื้นที่โรงแรม “วินแดม แกรนด์ ในหาน บีช ภูเก็ต” โดย เฟสแรก งบลงทุนกว่า 70 ล้านบาท พื้นที่ 500 ตารางเมตร พร้อมเปิดให้บริการในส่วนของ“เพลนารีเวลเนส”ศูนย์สุขภาพและความงาม ประกอบด้วย โปรแกรมตรวจสุขภาพเชิงลึก,เวชศาสตร์ชะลอวัย,กายภาพบำบัด และเวชศาสตร์ความงาม
เฟส 2 จะเป็น Men’s Health และ Women Health ดูแลสุขภาพทั้งผู้ชายและผู้หญิง
ส่วน เฟส 3 กำลังศึกษาว่าจะให้บริการรูปแบบไหน โดยคาดใช้เงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 300 ล้านบาท
ทั้งนี้โรงแรมวินแดมฯ สร้างบนพื้นที่ 11 ไร่ เป็นอาคารสูง 4 ชั้น จำนวน 12 อาคาร แบ่งเป็นห้องขนาดตั้งแต่ 40 ตารางเมตรขึ้นไป จนถึง 65 ตารางเมตร จำนวน 353 ยูนิต และแบ่ง 4 อาคารบริหารในรูปแบบโรงแรมเต็มรูปแบบ ส่วนอีก 8 อาคารแบ่งขายเพื่อการลงทุนและบริหารการเข้าพัก โดย “วินแดม โฮเทล กรุ๊ป” มูลค่าโครงการ 3,200 ล้านบาท เปิดเป็นเจ้าของร่วม ใช้เงินลงทุนเริ่มต้นเพียง 1 ล้านบาท
"ช่วงไฮซีซั่นในเดือนธันวาคม 2565 - เมษายน 2566 พบว่า มีอัตราการเข้าพักเกิน 90% และช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2566 อัตราเข้าพักลดลงมาอยู่ที่ 60-65%
แม้จะเป็นช่วงโลว์ซีซั่น แต่ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าต่างชาติทั้ง ยุโรป, จีน, อินเดีย และ ตะวันออกกลาง"
3. พูลวิลล่า บริเวณหาดลายัน โดยยังไม่มีการตั้งชื่ออย่างเป็นทางการ ขณะนี้เรียกว่า “รายัน วิลล่า” โดย เฟส 1 ตั้งอยู่พื้นที่ 16 ไร่ เป็นวิลล่า จำนวน 26 หลัง ราคา 1-2 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 35-70 ล้านบาท มูลค่าโครงการ
1,500 ล้านบาท
4. ดิ เอท พูลวิลล่า เฟส 2 บริเวณอ่าวฉลอง ตั้งอยู่บนพื้นที่ 11 ไร่ แบ่งเป็นวิลล่า จำนวน 60 หลัง ราคาตั้งแต่ 7-10 ล้านบาท มูลค่าโครงการราว 600-700 ล้านบาท
วาดแผนระดมทุน
การเติบโตของ“ซิซซา กรุ๊ป”ในอนาคต สิ่งที่ต้องทำจากนี้ คือ ต้องเพิ่ม Equity หรือเพิ่มทุนให้แข็งแกร่ง พร้อมกับการหาพาร์ทเนอร์เข้ามาเสริมธุรกิจ ซึ่งการหาแหล่งเงินทุนนั้นสามารถทำได้หลายช่องทาง ทั้ง การออกและเสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก(IPO)
หรือ ขายอสังหาริมทรัพย์เข้ากอง REIT หรือ การลงทุนผ่าน FUND ในต่างประเทศ หรือ การออกโทเคน(Token)เพื่อนำมาแลกเปลี่ยนสินค้าบริการและลงทุน เป็นต้น ส่วนจะเลือกระดมทุนในรูปแบบไหนนั้นขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในช่วงนั้น
ฝากรัฐบาลใหม่
ส่วนตัวอยากฝากรัฐบาลใหม่ 3 เรื่อง ดังนี้คือ 1. การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ระบบสาธารณูปโภค จ.ภูเก็ต เพื่อรองรับการท่องเที่ยวที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นในอนาคต
2. ส่งเสริมแคมเปญดึงนักท่องเที่ยวมาเที่ยวไทยและภูเก็ตมากขึ้น เหมือนในอดีตมีแคมเปญ Amazing Thailand ที่เป็นที่ชื่นชอบไปทั่วโลก
และ 3. ส่งเสริมภูเก็ตเป็นแบรนด์ทั่วโลก หมายความว่า สร้างภูเก็ตเป็นเกาะสวรรค์ของการท่องเที่ยว พักผ่อน โดยเฉพาะปั้นให้เป็นเมืองปลอดภาษี ซึ่งจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวและนักลงทุนเข้ามาลงทุนมากขึ้น
"อยากให้รัฐบาลส่งเสริมแคมเปญดึงนักท่องเที่ยวมาเที่ยวประเทศไทยและภูเก็ตมากขึ้น, ดูแลเรื่องระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน จ.ภูเก็ต เมื่อท่องเที่ยวดี อสังหาฯก็จะดีตามไปด้วย"