posttoday

4 สิ่งที่ต้องรู้ในการบริหารหนี้

26 มีนาคม 2562

“หนี้” หนึ่งในคำสั้นๆ ที่กลายเป็นสภาวะทิ้งตัวของใครหลายๆ คน และหนึ่งในภาวะที่เชื่อว่าทุกๆ คนคงไม่อยากเป็นกัน

“หนี้” หนึ่งในคำสั้นๆ ที่กลายเป็นสภาวะทิ้งตัวของใครหลายๆ คน และหนึ่งในภาวะที่เชื่อว่าทุกๆ คนคงไม่อยากเป็นกัน มาวันนี้ #อ่านข่าวนอก ขอมาแชร์มุมมองการบริหารหนี้ สำหรับคนที่เป็นหนี้กันไปแล้ว ว่าทำอย่างไร จะได้ใช้หนี้อย่างคุ้มค่าและหมดให้ไวที่สุด

ในกรณีที่หนี้สิน “รุงรัง” ไปหมด ก่อนอื่นเลยมี 4 สิ่งที่ต้องรู้

1.ยอดหนี้มีเท่าไหร่ - เพื่อที่จะได้เห็นเป้าหมายว่าการปลดหนี้ของเรานั้นใกล้ หรือไกลเพียงใด ซึ่งจะช่วยให้เรานั้นบริหารกระแสเงินสดได้ดียิ่งขึ้น

2.รายได้คงเหลือของเรา - เราควรเช็กรายได้รายเดือนของเรา ทั้งก่อนและหลังชำระสินเชื่อในแต่ละเดือนเพื่อนำมาวางแผนในการชำระให้ถูกต้อง

3.ดอกเบี้ยคิดอย่างไร และเท่าไหร่- สิ่งสำคัญต่อมาก็คือ เราต้องรู้ให้ได้ว่า “หนี้” ที่เราติดอยู่นั้นมีวิธีการคิดดอกเบี้ยแบบใด เช่น ชำระแบบลดต้นลดดอก หรืออัตราดอกเบี้ยคงที่ ซึ่งมีความสำคัญมาก จึงขอลงรายละเอียดเพิ่มเติม ดังนี้

โดยทั่วไปแล้ว การคิดดอกเบี้ยนั้นมี 2 แบบข้างต้น ซึ่งสิ่งที่เหมือนกันคือ เมื่อเราชำระเงินเข้าไปจำนวนหนึ่ง เช่น 2,000 บาท เงินจำนวนนั้นจะถูกกันส่วนหนึ่งเพื่อไปชำระดอกเบี้ย และส่วนที่เหลือจะถูกนำไปชำระเงินต้น แต่สิ่งที่ต่างคือภาระดอกเบี้ยที่เท่าเดิม หรือลดลง ในการชำระงวดถัดๆ ไป โดยในกรณีของแบบลดต้นลดดอกนั้น เมื่อชำระแล้วงวดถัดไปเราจะเสียดอกเบี้ยน้อยลงเรื่อยๆ เนื่องจากคิดบนเงินต้นที่น้อยลง เช่น ติดหนี้ 10,000 บาท ดอกเบี้ย 2% (สมมติว่าต่องวด) จะทำให้ดอกเบี้ยเท่ากับ 200 บาท (10,000 x 2% = 200) ทำให้เหลือชำระเข้าเงินต้นที่ 1,800 บาท

4 สิ่งที่ต้องรู้ในการบริหารหนี้

ส่งผลให้ในงวดถัดมาดอกเบี้ย 2% ต่องวดดังกล่าวจะคิดจากเงินต้นเพียง 8,200 บาทเท่านั้น ทำให้เราเสียดอกเบี้ยในงวดถัดมาเพียง 164 บาท และเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะชำระเงินต้นทั้งหมด ซึ่งหมายความว่า หากเรายิ่งชำระต่องวดมากเท่าไหร่ งวดถัดๆ ไปจะเสียดอกเบี้ยน้อยลงเท่านั้น และทำให้เราเสียดอกเบี้ยโดยรวมทั้งหมดน้อยลง

ในขณะที่หากเป็นการคิดดอกแบบอัตราคงที่ หากเราชำระเท่ากันที่ 2,000 บาท งวดต่อๆ มาก็จะเสียดอกเบี้ย 200 เท่าเดิมอยู่ดี เนื่องจากคิดจากเงินต้นที่ 10,000 เสมอ ส่งผลให้ไม่มีความจำเป็นอันใดที่เราจะต้องชำระเกินเข้าไป เพราะไม่ช่วยให้เราประหยัดดอกเบี้ยได้แม้แต่บาทเดียว ซ้ำยังทำให้เราเสียโอกาสที่จะนำไปลงทุน หรือชำระสินเชื่อตัวอื่นที่คิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกด้วย ซึ่งจะนำไปสู่ส่วนถัดมาคือ คิดดอกเบี้ยเท่าไหร่ ซึ่งจะช่วยให้เราเลือกถูกว่าควรชำระหนี้ก้อนไหนก่อน หากเป็นการคิดแบบลดต้นลดดอกเหมือนกัน กล่าวง่ายๆ คือ หากคิดดอกแบบลดต้นลดดอกเหมือนกันแล้ว ก็แนะนำให้ชำระตัวแพงก่อน เพื่อประหยัดดอกเบี้ยที่จะต้องเสียทั้งสัญญาให้ได้มากที่สุด (แต่ก็มีข้อแม้อยู่เล็กน้อย ซึ่งจะกล่าวถึงด้านล่าง)

และข้อสุดท้าย 4 ผ่อนเท่าไหร่ และคิดอัตราผ่อนอย่างไร - การที่เรารู้ว่าผ่อนเท่าไหร่ จะช่วยให้เราคำนวณได้ถูกว่ารายได้ที่เหลือนั้นพอชำระหรือไม่ แต่สำคัญกว่าก็คือ ผ่อนอย่างไร

ยกตัวอย่างเช่น โดยทั่วไปแล้ว
สินเชื่อเงินก้อนทั้งหลายจะมีอัตราผ่อนแบบคงที่ กล่าวคือกรณีกำหนดมาแล้วว่า 2,000 ต่อเดือน ก็จะต้องชำระอย่างน้อย 2,000 ต่อเดือนเสมอ ไม่ว่าเดือนก่อนหน้าจะผ่อนไปกี่แสนก็ตาม กับอีกกรณีคืออัตราผ่อนที่ลดตามเงินต้น ซึ่งโดยมากแล้วจะเป็นรูปแบบของบัตรกดเงินสด และบัตรเครดิต (ต้องมิใช่กรณีทำผ่อนของตามโปรโมชั่น) โดยทั่วไปบัตรกดเงินสดมักมีกำหนดอัตราผ่อนไว้ 3-5% ของเงินต้นคงเหลือ หรือขั้นต่ำ 500-1,000 บาท แล้วแต่อัตราไหนสูงกว่า กับบัตรเครดิตที่มักกำหนดให้ชำระขั้นต่ำ 10% ของเงินต้นหรือ 500-1,000 บาท แล้วแต่ตัวไหนสูงกว่าเช่นเดียวกัน ส่งผลให้การชำระสินเชื่อประเภทนี้เป็นจำนวนมากในเดือนนั้นๆ จะทำให้อัตราผ่อนในเดือนหน้าของเราลดลง

สุดท้ายแล้ว เมื่อเงินเริ่มเหลือ ก็อย่าลืมเก็บออม และวางแผนให้ดี เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมาติดวังวนนี้อีกต่อไป...

ข่าวล่าสุด

กนง. เปิดเกมผ่อนคลายเต็มรูปแบบ ดอกเบี้ยขาลงรับเศรษฐกิจแผ่ว จับตาลดอีกเหลือ 1.0% ต้นปี 2569