มินิแบร์ขยายการลงทุน 2โครงการ

“ชัยวุฒิ” เผยบริษัทมินิแบร์ เตรียมขยายการลงทุน 2 โครงการ มูลค่า 1.1 แสนล้านบาท เริ่มก่อสร้างในปี 2554 ชี้เงินบาทแข็งไม่กระทบต่างชาติเข้ามาลงทุนไทย

นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า  นายโยชิฮิสะ ไคนูมะ ประธานกลุ่มบริษัทมินิแบร์ ผู้ผลิตชิ้นตลับลูกปืน ประเทศญี่ปุ่น ได้เข้าพบเพื่อหารือเกี่ยวกับความคืบหน้าการขยายการลงทุนในประเทศไทย 2 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 1.1 แสนล้านบาท โดยบริษัทมีแผนจะขยายการลงทุนก่อสร้างโรงงานประกอบชิ้นส่วนตลับลูกปืนวงแหวน ที่อำเภอ บางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มูลค่าการลงทุน 5.4 หมื่นล้านบาท และโรงงานผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์ต่างๆ ที่จังหวัดลพบุรี มูลค่า 6.5 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ โรงงานที่บางประอินจะมีกำลังการผลิต 40 ล้านหน่วยต่อเดือน และจะมีการจ้างงานใหม่จำนวนประมาณ 850 คน ขณะที่โรงงานที่จังหวัดลพบุรีจะมีกำลังการผลิต 15 ล้านหน่วยต่อเดือน เกิดการจ้างงานใหม่ 1,700 คน ซึ่งโรงงานทั้ง 2 แห่ง จะเริ่มก่อสร้างในปี 2554

ขณะเดียวกันผู้บริหาร ของบริษัทมีความกังวลเกี่ยวกับปัญหาค่าเงินบาทที่แข็งค่าอย่างต่อเนื่องในขณะนี้   โดยกระทรวงอุตสาหกรรมได้ให้ความมั่นใจแก่นักลงทุนว่า รัฐบาลมีมาตรการเพื่อลดผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาท ซึ่งเป็นไปตามมติเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีที่ออกมาก่อนหน้านี้   

“ปัญหาเรื่องเงินบาทแข็งค่าที่ทำให้หลายฝ่ายกังวลนั้น หลายบริษัทก็ใช้เป็นโอกาสในการขยายการลงทุน นำเข้าเครื่องจักรและต้นทุนวัตถุดิบลดลง ไม่นับเป็นปัญหาที่วิกฤติที่มีผลต่อการตัดสินใจของนักลงทุน ซึ่งล่าสุดกลุ่มบริษัท มินีแบ ได้ตัดสินใจลงทุนในไทยเพิ่ม เพราะการดูแลช่วยแก้ไขปัญหาให้กับนักลงทุนต่างชาติด้วย อย่างไรก็ตาม รัฐบาลก็ดูแลค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิดไม่ให้กระทบต่อภาคการเกษตรและภาคการส่งออกให้ค่าเงินบาทอยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้กระทบต่อเศรษฐกิจไทยในระยะยาว” นายชัยวุฒิ กล่าว

สำหรับความคืบหน้าเกี่ยวกับการนำเข้าแรงงานต่างด้าวนั้น บริษัทมินิแบร์ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ให้สามารถเพิ่มจำนวนแรงงานต่างด้าวประเภทแรงงานไร้ฝีมือ โดยมีการกำหนดเงื่อนไขให้สามารถจ้างแรงงานต่างด้าวได้ไม่เกิน 15% ของจำนวนคนงานที่จ้างเพิ่มในโครงการ     

ทั้งนี้ เงื่อนไขของบริษัทที่จะเพิ่มจำนวนแรงงานต้องลงทุนในประเทศไทยมากกว่า 20 ปี มีสินทรัพย์กว่า 1 หมื่นล้านบาท รวมทั้งมีการจ้างงานรวมกว่า 1 หมื่นคน และต้องเป็นโครงการที่ได้รับการส่งเสริมอยู่เดิมสิ้นสุดการได้รับสิทธิประโยชน์การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลแล้ว