สมองผู้ชายกับความรักของเขา
ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ผมได้มีโอกาสเข้าไปสอนน้องๆ เยาวชนเรื่องของการเข้าใจความสัมพันธ์ชายหญิงจากหลักการทางจิตวิทยา
โดย ดร.พงษ์รพี บูรณสมภพ ภาพ : รอยเตอร์ส
ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ผมได้มีโอกาสเข้าไปสอนน้องๆ เยาวชนเรื่องของการเข้าใจความสัมพันธ์ชายหญิงจากหลักการทางจิตวิทยา และพยายามจะเข้าไปช่วยน้องๆ แกะปมปัญหาความสัมพันธ์ที่พบเห็นบ่อยๆ ด้วย
เวลาทำคลาสกับคู่สามีภรรยาที่แต่งงานกันมาระยะหนึ่งหลายคู่ ผมจะเห็นปมปัญหาคล้ายๆ กัน และมักเป็นปมความแตกต่างของความเป็นหญิงชายที่วัยรุ่นมักยังไม่เข้าใจ ส่วนคนที่มีอายุมากๆ แล้ว จะเข้าใจสิ่งที่ผมพยายามสอนได้ไม่ยาก
ผมเลยรีบเอาความรู้นี้ไปเตือนวัยรุ่นให้เตรียมตัวให้ทันท่วงที เพราะความรักมันไม่ได้จบแค่ที่การแต่งงาน แต่ทั้งคู่ต้องเข้าใจคนที่เราแต่งงานด้วย ว่าสมองเขาทำงานต่างจากเราอย่างไรบ้าง?
นักจิตวิทยาและนักวิจัยด้านสมองที่มีชื่อเสียง ดร.โจแอน ดิค ได้ทำวิจัยร่วมกับมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และค้นพบว่าสมองผู้ชายกับผู้หญิงทำงานต่างกันมากตั้งแต่เกิด เพราะสมองผู้หญิงมี “Chemical Wash” ที่ทำให้ต้องคิดเรื่องเหตุผลกับความรู้สึกไปพร้อมกัน และไม่สามารถแยกสองสิ่งออกจากกันได้
ยิ่งเวลาคิดเรื่องความรัก คนทั้งสองเพศสมองจะสั่งการให้คิดต่างมุม ผู้หญิงจะคิดเรื่องคุณค่า ผู้ชายจะคิดเรื่องเป้าหมาย เพราะเขาแยกสมองซ้ายขวาออกจากกัน และทำให้เขามองความรักตื้นเขินกว่าผู้หญิง
เวลาผมทำคลาส 3 สิ่งหลักๆ ที่สมองผู้ชายต้องการจากผู้หญิงที่เขารัก มักไม่พลาด 3 สิ่งดังกล่าวนี้
1.ต้องการความนับถือภูมิใจในตัวเขา
ผู้ชายมักไม่ซับซ้อนเวลาอยากได้ความรักจากผู้หญิง สิ่งหลักๆ ก็คือ เขาต้องการรู้สึกว่าผู้หญิงของเขานับถือ ภูมิใจในตัวเขา การชมเขาในเรื่องที่เขาแคร์ การบอกเขาว่าเราดีใจ และขอบคุณสิ่งที่เขาทำให้เราหรือครอบครัวเรา รวมไปถึงโอกาสทางหน้าที่การผ่านที่เขาช่วยเรา
การยินดีวางโทรศัพท์มือถือเวลาเขาต้องการคุยกับเรา ไปจนถึงการคิดเผื่อเขาเวลาเราไปซื้อของหรือจับจ่ายใช้สอย ฯลฯ ทั้งหมดเหล่านี้บวกกับการทำให้เขารู้สึกว่าเรายังภูมิใจในตัวเขาอยู่ จะทำให้ผู้ชายรู้สึกรักผู้หญิงของเขาง่ายกว่าการพยายามทำตัวหวานออดอ้อน เพราะแม้อย่างหลังจะใช้ได้ดีช่วงจีบกันใหม่ๆ แต่นานๆ เข้าผู้ชายส่วนใหญ่จะต้องการสิ่งที่เราทำแล้วเขารู้สึกว่า เราเห็นเขาในสายตามากกว่า
2.ต้องการความโล่งสบายใจ
หลายคนอาจเคยมีประสบการณ์ว่า เวลาเราขอผู้ชายคุย ท้ายสุดเขามักจะบอกว่า “นี่เธอหาเรื่องฉันอีกใช่ไหม?”
หรือไม่ก็ “ที่พูดมามันไม่มีเหตุผล พูดอะไรที่จับต้องได้หน่อยได้ไหม?”
จริงๆ แล้วผู้หญิงส่วนใหญ่อาจเผลอเข้าใจว่า ผู้ชายเข้าใจความรู้สึกตัวเองและคนอื่นได้ดี เพราะผู้หญิงอาจเทียบกับเพื่อนผู้หญิงด้วยกัน ที่พอคุยความรู้สึกก็จะต่อยอดกันได้ทันที แต่ผู้ชายส่วนใหญ่ไม่ได้ฉลาดเรื่องการเข้าใจความรู้สึก เพราะเขาต้องการมองไปข้างหน้ามากกว่ามองเข้าไปข้างใน
การมานั่งรู้สึก จับต้องความรู้สึก หรือดูความรู้สึกตัวเองและคนอื่น เป็นเรื่องที่ผู้ชายส่วนใหญ่ไม่ถนัด ต้องมีคนช่วยสอน
กรณีง่ายๆ อย่างสามีบางคนมักถามภรรยาเวลากินกับข้าวที่ภรรยาทำให้ว่า “เธอ เธอซื้อหมูจากไหน?”
สมองผู้หญิงอาจคิดเพิ่มว่า “ไม่อร่อยเหรอ?” หรือ “เธอไม่ถูกปากเหรอ?”
บางทีผู้ชายอาจแค่อยากได้คำตอบสั้นๆ แต่ผู้หญิงไม่สามารถตอบสั้นๆ ได้ เพราะต้องการรู้ว่าผู้ชายรู้สึกอย่างไร? มากกว่าแค่ให้ข้อมูลตามที่ถาม ผู้ชายก็มักจะคิดว่าผู้หญิงชวนทะเลาะ เรื่องเล็กก็มักบานปลายไปจนกลายเป็นเรื่องใหญ่โต ทำให้โกรธกันเป็นวันๆ ได้
นอกจากนั้น ชีวิตผู้ชายต้องการโล่งสบาย ถ้าเขาช่วยอะไรผู้หญิงแล้วเขาทำมันได้ง่าย โอกาสทำสำเร็จสูง ไม่ซับซ้อน ทำแล้วผู้หญิงโล่งขึ้น เขาจะทำ แต่ผู้หญิงของเขาต้องบอกให้เขาทำง่ายๆ แล้วอย่าไปรู้สึกว่า “ไม่ได้ อยู่กันมาขนาดนี้ไม่รู้ใจกันได้ไง?” ให้รับความจริงไปเลยว่า ผู้ชายส่วนใหญ่ไม่เข้าใจ อย่าว่าแต่ความรู้สึกผู้หญิงเลย ความรู้สึกตัวเขาเองบางทีเขาก็ยังมองข้ามด้วยซ้ำ
ดังนั้น เวลาต้องการให้ผู้ชายเข้าใจความรู้สึก เราอาจต้องบอกเขาดีๆ แต่ไม่กดดันให้รู้สึกเหนื่อย รู้สึกท้อ พูดไปตรงๆ ขอกันสบายๆ ปนให้กำลังใจให้เขาเห็นว่า เมื่อเขายินดีทำสิ่งนั้นให้ เราจะทำให้ชีวิตเขาโล่งขึ้น อีกทั้งยินดีจะไม่กดดัน คิดเล็กคิดน้อย
ผู้ชายถ้ารู้ว่าทำอะไรแบบง่ายๆ แล้วผู้หญิงของเขาจะโล่งขึ้น เขามักทำให้แบบไม่ต้องคิดทบทวนนาน เพราะเขาต้องการโล่งนั่นเอง (เพื่อเอาเวลาไปคิดเรื่องงานและเรื่องอื่นๆ)
3.ต้องการการยอมฟัง (บางเรื่องที่เป็นเรื่องใหญ่ๆ ของชีวิตเขา)
ผู้ชายไม่ได้ต้องการให้เรายอมเขาทุกเรื่อง แต่จะมีบางเรื่องใหญ่ๆ ที่ผู้ชายต้องการให้ผู้หญิงยอมเขา ถ้าเราไม่ยอม เขาจะรู้สึกขมขื่นได้ไม่ยาก และจะพานให้ไม่ยอมเราในหลายเรื่องที่เราอยากได้
สิ่งนั้นอาจเกี่ยวข้องกับการไปกินข้าวกับที่บ้านครอบครัวเขา การยอมช่วยแบ่งเบาภาระบางอย่าง หรือไม่ก็เป็นการแต่งตัวหรือสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่กวนใจเขา ซึ่งอาจรวมถึงสิ่งที่เราทำก่อนนอนหรือตื่นนอน แล้วมันทำให้เขาหงุดหงิดได้ง่าย ถ้าเรายอมบางเรื่องที่เขาถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ เราก็สามารถขอให้เขายอมเราในอีกหลายเรื่องได้ไม่ยากเย็นนัก
ฟังอย่างนี้แล้ว บางทีผู้หญิงหลายคนอาจคิดว่า ถ้าเรื่องมากแบบนี้แล้วไม่มีมันซะดีกว่า จริงๆ เราก็มีทางเลือกใช้ชีวิตอย่างมีความสุขโดยไม่ต้องมีผู้ชายก็ได้ครับ
ส่วนผู้หญิงที่ยังต้องการมีครอบครัว และมีลูกไว้ให้ชีวิตตัวเองมีคุณค่า อาจต้องยอมรับความต้องการหลักๆ 3 ประการนี้ที่ผู้ชายแทบทุกคนอยากได้


