ปั้น2สนามบินขึ้นฮับอาเซียน
ทอท.เล็งลงทุนพัฒนาสนามบินแม่สอด-ขอนแก่น หวังปั้นฮับการบิน ขีดเส้น 3 เมกะโปรเจกต์สุวรรณภูมิ 1.3 แสนล้าน จบภายในปี 2564
ทอท.เล็งลงทุนพัฒนาสนามบินแม่สอด-ขอนแก่น หวังปั้นฮับการบิน ขีดเส้น 3 เมกะโปรเจกต์สุวรรณภูมิ 1.3 แสนล้าน จบภายในปี 2564
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย หรือ ทอท. เปิดเผยว่า ทอท.สนใจเข้าไปพัฒนาลงทุนในสนามบินของกรมท่าอากาศยาน (ทย.) เพื่อขับเคลื่อนการเป็นฮับการบินของอาเซียนและขยายธุรกิจของบริษัทให้ตอบสนองความต้องการของผู้โดยสารที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งอาจเสี่ยงต่อการบริหารจัดการในอนาคต หากไม่เร่งพัฒนาสนามบินรองรับ
ทั้งนี้ สนามบินเป้าหมายที่ต้องการใช้เป็นฮับจราจรทางอากาศของ ทอท. ได้แก่ ท่าอากาศยานแม่สอด เพื่อเป็นฮับตะวันตกสอดรับพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษของประเทศ และท่าอากาศยานอุดรธานีหรือท่าอากาศยานขอนแก่นเป็นฮับทางภาคอีสาน โดยแผนพัฒนาดังกล่าวสามารถสนับสนุนแผนจัดการจราจรทางอากาศและขยายตัวเลขผู้โดยสารของฮับการบินแต่ละภาคที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาและหารือกับ ทย. ถึงแนวทางการให้ ทอท.เข้าไปบริหารสนามบินดังกล่าว เนื่องจากการพัฒนาสนามบินต้องทำควบคู่ไปกับแผนพัฒนาเชิงตลาดและธุรกิจการบิน
สำหรับความคืบหน้าการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ขณะนี้มีแผนลงทุนรวม 1.3 แสนล้านบาท ประกอบด้วย แผนพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเฟส 2 วงเงิน 6.2 หมื่นบ้านบาท การก่อสร้างรันเวย์แห่งที่ 3 วงเงิน 2 หมื่นล้านบาท และการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารแห่งที่ 2 โดยในส่วนของโครงการสุวรรณภูมิเฟส 2 ขณะนี้ดำเนินการก่อสร้างไปแล้ว เช่น อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 ลานจอดอากาศยานประชิดอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 และส่วนต่อเชื่อมอุโมงค์ด้านทิศใต้ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2562 ร่วมกับสัญญาการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค วงเงิน 1,980 ล้านบาท
นอกจากนี้ อยู่ระหว่างการพิจารณาจัดซื้อพร้อมติดตั้งระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติวงเงิน 2,890 ล้านบาท ภายในเดือน เม.ย.นี้ ส่วนอีก 3 สัญญาที่เหลือต้องรอการก่อสร้างไประยะหนึ่งก่อนถึงจะเริ่มดำเนินการได้ เช่น สัญญางานจ้างก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (ชั้น 2-4) และส่วนต่อเชื่อมอุโมงค์ด้านทิศใต้ที่ต้องรอการก่อสร้างให้เกือบจะแล้วเสร็จก่อน ส่วนด้านสัญญางานจัดซื้อพร้อมติดตั้งระบบสายพานลำเลียงกระเป๋า และระบบตรวจจับวัตถุระเบิด 6,600 ล้านบาท ต้องรอดำเนินการงาน APM ให้แล้วเสร็จเสียก่อน
นายนิตินัย กล่าวว่า คาดว่าการก่อสร้างรันเวย์แห่งที่ 3 จะได้รับความเห็นชอบรายงานการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (อีเอชไอเอ) ภายในปลายปีนี้ โดยปี 2561 จะเริ่มออกแบบและก่อสร้างเพื่อเปิดใช้งานตามแผนในปี 2564


