posttoday

‘พรศักดิ์ ตันตาปกุล’ ลูกค้าต้องได้ประโยชน์ก่อนเสมอ

25 มีนาคม 2560

“พรศักดิ์ ตันตาปกุล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดนทัล คอร์ปอเรชั่น (D) วัย 45 ปี เจ้าของและผู้ประกอบธุรกิจ

โดย...บงกชรัตน์ สร้อยทอง

“พรศักดิ์ ตันตาปกุล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดนทัล คอร์ปอเรชั่น (D) วัย 45 ปี เจ้าของและผู้ประกอบธุรกิจศูนย์ทันตกรรมครบวงจรที่มีกำหนดนำหุ้น 50 ล้านหุ้น เข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ประมาณวันที่ 3 เม.ย.นี้

เส้นทางนี้ได้มาเพราะแม่ขอให้เป็นหมอ ทั้งที่ความฝันอยากเป็นวิศวกร เมื่อเรียนจบใช้ทุนตามหน้าที่ ขอไปเรียนต่อด้านบริหารธุรกิจ แต่ด้วยความรักแม่อีกที่มองว่าใช้เวลาเรียนหมอฟันมาแล้วก็ไปต่อทางด้านนี้อีก จึงเลือกอะไรที่ใกล้เคียงกับความชอบตัวเอง นั่นคือ “หมอจัดฟัน” เพราะคิดว่าใกล้เคียงความเป็นวิศวะมากสุด ที่มีการดัดและสร้างฟันขึ้นมาใหม่ ไปเรียนต่อที่นิวยอร์ก สหรัฐ และเรียนเฉพาะทางการจัดฟันด้านในโดยไม่ใช้เครื่องมือจากอังกฤษ

เมื่อกลับไทยลุยเปิดคลินิกเจาะกลุ่มตลาดเฉพาะ (นิชมาร์เก็ต) ชูความเชี่ยวชาญเป็นจุดขายเรื่องจัดฟันและเพื่อนที่เก่งทางด้านรากฟันเทียม เลือกทำเลสุขุมวิทและเลือกโฆษณาประชาสัมพันธ์ด้วยเว็บไซต์ เพราะตั้งใจเจาะกลุ่มลูกค้าต่างประเทศที่เน้นบินมารักษา รวมถึงคนไทยโดยเฉพาะกลุ่มคนบันเทิง เซเลบริตี้ เพราะมั่นใจว่ามีความต้องการสูง และเขาก็มองไม่ผิด ซึ่งตอนนั้นมีหมอฟันด้านนี้เพียง 5 คน

จนมีคลินิกของตัวเองชื่อบางกอกเดนทัลโฮม ก็ยังชูความเชี่ยวชาญเหมือนเดิม ย่านพหลโยธินและเป็นจุดเริ่มต้นรากฐานของบริษัท D ในปัจจุบัน เริ่มเห็นการขยายของร้านไม่ได้คิวลูกค้าจองไปถึง 4-5 เดือน ตัดสินใจทำวิจัยเพื่อหาจุดบกพร่องให้ตัวเอง และพบว่าทำเลที่ตั้งเป็นอุปสรรคหลัก จึงตั้งคลินิกใหม่ที่รัชดาแต่เป็นศูนย์ทันตกรรมใหญ่ BID ที่มีมาตรฐานสากลศูนย์ทันตกรรม JCI เป็นแห่งที่ 2 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รองจากสิงคโปร์ และมีลูกค้าหลักเป็นต่างประเทศถึง 70% ทำให้เป็นกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมียมระดับบีบวกขึ้นไป

จากนั้นก็พัฒนาและขยายงานให้เติบโตมากขึ้น จนปัจจุบันเพิ่มมาอีก 2 แบรนด์ คือ Dental Signature ที่บริการทุกอย่างเหมือนกัน แต่เจาะฐานลูกค้าในห้างที่ลูกค้าเดินทางสะดวก และ Smile Signature ที่มีการลดราคาลงเล็กน้อย แต่ก็ยังเป็นฐานลูกค้าบีบวก

ผลประกอบการมีการเติบโตต่อเนื่องทุกปี จนปัจจุบันจำนวนการรักษาและอัตราค่าใช้จ่ายต่อคนต่อครั้งก็เพิ่มขึ้นทุกปี ล่าสุดอยู่ที่ 7,550 บาท/คน/ครั้ง ประกอบกับการที่การเน้นใช้งบเจาะฐานลูกค้าทางเว็บไซต์ซึ่งมีกว่า 20 ชื่อ เนื่องจากเป็นกลุ่มแรกที่ทำการตลาดเมื่อกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ทำให้มีโดเมนชื่อเว็บที่จดไว้ครอบคลุมและเสิร์ชง่ายสำหรับลูกค้าต่างประเทศที่จะบินมารักษาโดยตรงที่ไทย ถึงอย่างไรค่ารักษาบวกค่าเดินทางและที่พักในไทยถูกกว่าลูกค้ารักษาที่สหรัฐ ยุโรป หรือออสเตรเลีย และปัจจุบันบริษัทรักษาสัดส่วนรายได้มีลูกค้าในประเทศและต่างประเทศอย่างละครึ่ง ถือว่ามีการบริหารความเสี่ยงที่ดี

เงินที่ได้จากการร่วมทุนส่วนใหญ่ใช้ในการขยายกิจการ แต่ไม่ใช่เน้นในการขยายสาขา แต่จะขยายที่มีกำไรและเน้นระดับพรีเมียมต่อไป รวมถึงตั้งเป้าว่าต่อไปในอนาคตอยากจะสร้างโรงพยาบาลสำหรับทันตกรรมขึ้นมาจริงๆ ที่มีการผ่าตัดด้านฟันและมีคนไข้นอนค้าง

สิ่งที่เขายึดถือตลอดมาคือ “ต้องมีจรรยาบรรณ” การให้ข้อมูลต้องครบถ้วน เพราะปัจจุบันลูกค้ามีการศึกษาข้อมูลมาเป็นอย่างดี อีกทั้งหลักสำคัญที่ใช้สอนลูกน้องเสมอคือ “หนึ่งลูกค้าต้องได้ก่อนเสมอ” ถ้าลูกค้าไม่ได้อะไรอย่าไปรักษาเขา “สองคือบริษัทต้องได้” เพราะบริษัทต้องดูแลพนักงานทุกคนให้เหมือนกัน 200-300 คน อย่าวันแมนโชว์ “จากนั้นตัวเองถึงได้” ซึ่งถ้าทำ 2 อย่างแรกได้แล้ว จะได้ในระยะยาว

ทางตรงข้ามถ้าคิดได้ตั้งแต่แรกอาจจะมีรายได้เข้ามาดี 2-3 ปีแรก แต่จะอยู่ไม่ยั่งยืน แต่หากทำให้ลูกค้าได้เป็นคนแรกจะเกิดการบอกต่อ และจากนั้นจะต่อเป็นจิ๊กซอว์ไปเรื่อยๆ จากพ่อแม่จนมาทำให้ลูก ญาติ และเพื่อนๆ ตามมา งานเหล่านี้ถ้าทำดีหรือไม่ดีเป็นเรื่องปากต่อปาก แต่ผลที่ได้แตกต่างกันมาก

ข่าวล่าสุด

กนง. เปิดเกมผ่อนคลายเต็มรูปแบบ ดอกเบี้ยขาลงรับเศรษฐกิจแผ่ว จับตาลดอีกเหลือ 1.0% ต้นปี 2569