‘พรศักดิ์ ตันตาปกุล’ ลูกค้าต้องได้ประโยชน์ก่อนเสมอ
“พรศักดิ์ ตันตาปกุล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดนทัล คอร์ปอเรชั่น (D) วัย 45 ปี เจ้าของและผู้ประกอบธุรกิจ
โดย...บงกชรัตน์ สร้อยทอง
“พรศักดิ์ ตันตาปกุล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดนทัล คอร์ปอเรชั่น (D) วัย 45 ปี เจ้าของและผู้ประกอบธุรกิจศูนย์ทันตกรรมครบวงจรที่มีกำหนดนำหุ้น 50 ล้านหุ้น เข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ประมาณวันที่ 3 เม.ย.นี้
เส้นทางนี้ได้มาเพราะแม่ขอให้เป็นหมอ ทั้งที่ความฝันอยากเป็นวิศวกร เมื่อเรียนจบใช้ทุนตามหน้าที่ ขอไปเรียนต่อด้านบริหารธุรกิจ แต่ด้วยความรักแม่อีกที่มองว่าใช้เวลาเรียนหมอฟันมาแล้วก็ไปต่อทางด้านนี้อีก จึงเลือกอะไรที่ใกล้เคียงกับความชอบตัวเอง นั่นคือ “หมอจัดฟัน” เพราะคิดว่าใกล้เคียงความเป็นวิศวะมากสุด ที่มีการดัดและสร้างฟันขึ้นมาใหม่ ไปเรียนต่อที่นิวยอร์ก สหรัฐ และเรียนเฉพาะทางการจัดฟันด้านในโดยไม่ใช้เครื่องมือจากอังกฤษ
เมื่อกลับไทยลุยเปิดคลินิกเจาะกลุ่มตลาดเฉพาะ (นิชมาร์เก็ต) ชูความเชี่ยวชาญเป็นจุดขายเรื่องจัดฟันและเพื่อนที่เก่งทางด้านรากฟันเทียม เลือกทำเลสุขุมวิทและเลือกโฆษณาประชาสัมพันธ์ด้วยเว็บไซต์ เพราะตั้งใจเจาะกลุ่มลูกค้าต่างประเทศที่เน้นบินมารักษา รวมถึงคนไทยโดยเฉพาะกลุ่มคนบันเทิง เซเลบริตี้ เพราะมั่นใจว่ามีความต้องการสูง และเขาก็มองไม่ผิด ซึ่งตอนนั้นมีหมอฟันด้านนี้เพียง 5 คน
จนมีคลินิกของตัวเองชื่อบางกอกเดนทัลโฮม ก็ยังชูความเชี่ยวชาญเหมือนเดิม ย่านพหลโยธินและเป็นจุดเริ่มต้นรากฐานของบริษัท D ในปัจจุบัน เริ่มเห็นการขยายของร้านไม่ได้คิวลูกค้าจองไปถึง 4-5 เดือน ตัดสินใจทำวิจัยเพื่อหาจุดบกพร่องให้ตัวเอง และพบว่าทำเลที่ตั้งเป็นอุปสรรคหลัก จึงตั้งคลินิกใหม่ที่รัชดาแต่เป็นศูนย์ทันตกรรมใหญ่ BID ที่มีมาตรฐานสากลศูนย์ทันตกรรม JCI เป็นแห่งที่ 2 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รองจากสิงคโปร์ และมีลูกค้าหลักเป็นต่างประเทศถึง 70% ทำให้เป็นกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมียมระดับบีบวกขึ้นไป
จากนั้นก็พัฒนาและขยายงานให้เติบโตมากขึ้น จนปัจจุบันเพิ่มมาอีก 2 แบรนด์ คือ Dental Signature ที่บริการทุกอย่างเหมือนกัน แต่เจาะฐานลูกค้าในห้างที่ลูกค้าเดินทางสะดวก และ Smile Signature ที่มีการลดราคาลงเล็กน้อย แต่ก็ยังเป็นฐานลูกค้าบีบวก
ผลประกอบการมีการเติบโตต่อเนื่องทุกปี จนปัจจุบันจำนวนการรักษาและอัตราค่าใช้จ่ายต่อคนต่อครั้งก็เพิ่มขึ้นทุกปี ล่าสุดอยู่ที่ 7,550 บาท/คน/ครั้ง ประกอบกับการที่การเน้นใช้งบเจาะฐานลูกค้าทางเว็บไซต์ซึ่งมีกว่า 20 ชื่อ เนื่องจากเป็นกลุ่มแรกที่ทำการตลาดเมื่อกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ทำให้มีโดเมนชื่อเว็บที่จดไว้ครอบคลุมและเสิร์ชง่ายสำหรับลูกค้าต่างประเทศที่จะบินมารักษาโดยตรงที่ไทย ถึงอย่างไรค่ารักษาบวกค่าเดินทางและที่พักในไทยถูกกว่าลูกค้ารักษาที่สหรัฐ ยุโรป หรือออสเตรเลีย และปัจจุบันบริษัทรักษาสัดส่วนรายได้มีลูกค้าในประเทศและต่างประเทศอย่างละครึ่ง ถือว่ามีการบริหารความเสี่ยงที่ดี
เงินที่ได้จากการร่วมทุนส่วนใหญ่ใช้ในการขยายกิจการ แต่ไม่ใช่เน้นในการขยายสาขา แต่จะขยายที่มีกำไรและเน้นระดับพรีเมียมต่อไป รวมถึงตั้งเป้าว่าต่อไปในอนาคตอยากจะสร้างโรงพยาบาลสำหรับทันตกรรมขึ้นมาจริงๆ ที่มีการผ่าตัดด้านฟันและมีคนไข้นอนค้าง
สิ่งที่เขายึดถือตลอดมาคือ “ต้องมีจรรยาบรรณ” การให้ข้อมูลต้องครบถ้วน เพราะปัจจุบันลูกค้ามีการศึกษาข้อมูลมาเป็นอย่างดี อีกทั้งหลักสำคัญที่ใช้สอนลูกน้องเสมอคือ “หนึ่งลูกค้าต้องได้ก่อนเสมอ” ถ้าลูกค้าไม่ได้อะไรอย่าไปรักษาเขา “สองคือบริษัทต้องได้” เพราะบริษัทต้องดูแลพนักงานทุกคนให้เหมือนกัน 200-300 คน อย่าวันแมนโชว์ “จากนั้นตัวเองถึงได้” ซึ่งถ้าทำ 2 อย่างแรกได้แล้ว จะได้ในระยะยาว


