คำถามที่ 15 มี Options อะไรบ้างให้ซื้อขายใน TFEX
ปัจจุบันผู้ลงทุนให้ความสนใจซื้อขาย Options ใน TFEX มากพอสมควร จะเห็นได้จากปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยของ Options ที่เพิ่มขึ้นจาก 1,263 สัญญา/วันในปี 2558 เป็น 1,757 สัญญา/วันในปี 2559 หรือเพิ่มขึ้น 39% ซึ่งแนวโน้มในปี 2560 คาดว่าจะมีปริมาณการซื้อขาย Options เพิ่มขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันผู้ลงทุนให้ความสนใจซื้อขาย Options ใน TFEX มากพอสมควร จะเห็นได้จากปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยของ Options ที่เพิ่มขึ้นจาก 1,263 สัญญา/วันในปี 2558 เป็น 1,757 สัญญา/วันในปี 2559 หรือเพิ่มขึ้น 39% ซึ่งแนวโน้มในปี 2560 คาดว่าจะมีปริมาณการซื้อขาย Options เพิ่มขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบัน Options ที่มีการซื้อขายใน TFEX จะเป็น Options อ้างอิงสินค้าเพียง 1 ชนิด คือ ดัชนี SET50 หรือที่ผู้ลงทุนรู้จักกันในชื่อ SET50 Index Options โดยสาเหตุที่ทำให้ปริมาณการซื้อขาย Options เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีผลมาจากปัจจัยหลัก 2 อย่างได้แก่ การที่ผู้ลงทุนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการซื้อขาย Options จำนวนมากขึ้น และการที่ TFEX จัดให้มีผู้ดูแลสภาพคล่องในสินค้า Options ส่งผลให้ผู้ลงทุนที่สนใจซื้อขาย Options สามารถคลายความกังวลเกี่ยวกับส่วนต่างของราคาเสนอซื้อ (Bid) และราคาเสนอขาย (Offer) ทำให้สามารถซื้อขาย Options ได้สะดวกและง่ายขึ้น
ผู้ลงทุนที่สนใจซื้อขาย Options ใน TFEX ควรเริ่มต้นจากการศึกษาลักษณะของสัญญา (Contract Specification) ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ เนื่องจากลักษณะของสัญญาจะเป็นแหล่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับผู้ลงทุนในการกำหนดราคาและตัดสินใจลงมือซื้อขาย Options ในบทความตอนนี้จึงขอแนะนำลักษณะของสัญญาของ Options ที่สำคัญที่ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจก่อนลงมือซื้อขายดังนี้
อันดับแรกผู้ลงทุนจะต้องรู้ว่า Options ที่ซื้อขายอยู่มีราคาอ้างอิงกับอะไร เพราะสินค้าอ้างอิงจะเป็นข้อมูลหลักที่ใช้ในการกำหนดราคาที่ซื้อขาย Options โดยสินค้าอ้างอิงของ SET50 Index Options ที่ซื้อขายใน TFEX คือ ดัชนี SET50 ที่คำนวณและเผยแพร่โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยผู้ลงทุนที่สนใจข้อมูลหุ้นที่เป็นองค์ประกอบและวิธีการคำนวณดัชนี SET50 สามารถดูรายละเอียดได้ที่ http://www.set.or.th/th/products/index/setindex_p3.html
ถัดมาผู้ลงทุนจะต้องรู้ว่าในวันสุดท้ายของการซื้อขาย SET50 Index Options ราคาที่จะนำมาใช้เปรียบเทียบกับราคาใช้สิทธิของ Options แต่ละตัวเพื่อคำนวณกำไรขาดทุนสำหรับ Options ที่หมดอายุ จะเอามาจากที่ไหนและถูกคำนวณอย่างไร โดยราคาที่จะใช้ชำระราคาของ SET50 Index Options ในวันสุดท้ายของการซื้อขายจะใช้ดัชนี SET50 ซึ่งจะมีการคำนวณและเผยแพร่ทุก 15 วินาที โดยจะใช้ราคาเฉลี่ยของดัชนีใน 15 นาทีสุดท้าย (เวลา 16.15-16.30 น.) และดัชนีราคาปิดของวันนั้น โดยตัดค่าที่มากที่สุด 3 ค่า และค่าที่น้อยที่สุด 3 ค่าออก และใช้ค่าทศนิยม 2 ตำแหน่ง
วันซื้อขายวันสุดท้ายของ SET50 Index Options แต่ละตัวจะเป็นวันทำการก่อนวันทำการสุดท้ายของเดือนที่สัญญาสิ้นสุดอายุ เช่น ในเดือน มี.ค. 2560 มีวันทำการสุดท้ายเป็นวันศุกร์ที่ 31 มี.ค. 2560 ดังนั้นวันทำการก่อนวันทำการสุดท้ายจะคือวันพฤหัสบดีที่ 30 มี.ค. 2560 จึงทำให้ SET50 Index Options ที่จะหมดอายุในเดือน มี.ค. 2560 จะหมดอายุในวันที่ 30 มี.ค. 2560 และจะซื้อขายได้ถึงเวลา 16.30 น.
ข้อมูลต่อมาที่ผู้ลงทุนต้องให้ความสนใจ คือ ตัวคูณดัชนี เนื่องจากเป็นข้อมูลที่ทำให้ผู้ลงทุนทราบว่าสัญญา Options ที่ซื้อขายมีมูลค่าที่ผู้ซื้อขายต้องรับผิดชอบทั้งหมดเท่าไร และใช้ในการคำนวณผลกำไรขาดทุนที่เกิดขึ้นจากการซื้อขาย ซึ่งสำหรับ SET50 Index Options จะมีตัวคูณดัชนีเท่ากับ 200 หรืออาจจะพูดได้ว่าใน 1 สัญญาของ SET50 Index
Options จะมีการตกลงซื้อขายกันทั้งหมด 200 หน่วย ยกตัวอย่างเช่น กรณีที่ดัชนี SET50 อยู่ที่ระดับ 950 จุด หมายความว่าการซื้อขาย SET50 Index Options จำนวน 1 สัญญาจะมีมูลค่าของสัญญาเท่ากับ 950*200 = 190,000 บาท และถ้า Options มีการซื้อขายกันที่ 10 จุด มูลค่าของ Options 1 สัญญาจะมีค่าเท่ากับ 2,000 บาท หากราคาของ Options มีการเปลี่ยนแปลงไป 1 จุด ก็จะเกิดกำไรขาดทุนจากส่วนต่างของราคา Options เท่ากับ 200 บาท เป็นต้น
Options ที่มีให้ซื้อขายใน TFEX ปัจจุบันมีดัชนี SET50 เพียงชนิดเดียวที่เป็นสินค้าอ้าอิง ซึ่งถือว่าได้รับความนิยมจากผู้ลงทุนและมีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยก่อนซื้อขายอนุพันธ์ไม่ว่าชนิดใดก็ตามผู้ลงทุนควรทำความรู้จักอนุพันธ์ที่จะซื้อขายก่อนโดยแหล่งข้อมูลที่สำคัญจะอยู่ใน Contract Specification สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจการซื้อขายอนุพันธ์ใน TFEX สามารถหาข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติมเกี่ยวกับการซื้อขาย Futures หรือ Options ได้จากโบรกเกอร์ที่ท่านใช้บริการ หรือเว็บไซต์ www.tfex.co.th