‘กวิน ว่องกุศลกิจ’ เดินหน้า สร้างชื่อโรงแรมแอดลิบ
โดย....จารุพันธ์ จิระรัชนิรมย์
โดย....จารุพันธ์ จิระรัชนิรมย์
หลายคนเลือกสานต่อธุรกิจของครอบครัวหลังจากเรียนจบ แต่ก็มีอีกหลายคนเลือกจะออกไปเริ่มต้นธุรกิจของตัวเองด้วยเหตุผลของความไม่ถนัดในธุรกิจครอบครัว หรืออยากหาประสบการณ์อื่นก่อนแล้วค่อยกลับมาสานต่อธุรกิจครอบครัวภายหลัง เหมือนเช่น กวิน ว่องกุศลกิจ ลูกชาย อิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการกลุ่มมิตรผล รายได้ปีละเกือบแสนล้านบาท และกลุ่มผู้ถือหุ้นในบริษัท ดิเอราวัณ ที่เลือกทำบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของตัวเอง
กวิน ว่องกุศลกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เฮอริเทจ เอสเตทส์ ผู้ดำเนินธุรกิจโรงแรมแอดลิบ กรุงเทพฯ เปิดเผยว่า สาเหตุที่เรียนจบแล้วไม่ได้ไปทำธุรกิจครอบครัว เพราะวันนั้นไม่รู้เหมือนที่รู้ในวันนี้ ถ้าวันแรกที่เรียนจบมารู้ว่าต้องทำธุรกิจอย่างไรบ้าง อาจเลือกทางเดินอีกแบบ ส่วนการมาเริ่มต้นธุรกิจเองมาจากโอกาสที่เข้ามาช่วงนั้นพอดี ด้วยเหตุผลว่าอยากช่วยคุณตาที่เริ่มไม่สบาย และตึกที่คุณตามีเริ่มมีปัญหาด้านการบริหารเป็นผลพวงจากวิกฤตเศรษฐกิจ อัตราการเช่าเหลือแค่ 40%
เมื่อเป็นเช่นนี้จึงตัดสินใจของบจากคุณพ่อและผู้ถือหุ้นคนอื่นเปิดบริษัท เฮอริเทจ เอสเตทส์ ซื้อตึกเก่าของคุณตามาบริหารแทน โดยนำเงินส่วนหนึ่งปรับปรุงตึกใหม่ก่อนมาปล่อยเช่า ผลปรากฏว่าอัตราการเช่าเต็ม กลายเป็นตึกสำนักงานให้เช่าที่ได้รับความนิยม
จากนั้นมีลูกค้าที่เช่าตึกเสนอว่าต้องการห้องประชุม บริษัทจึงเช่าพื้นที่ส่วนกลางตึกทำห้องประชุมให้ หวังแค่ตอบความต้องการลูกค้า ก็ได้รับกระแสตอบรับดี เวลานั้นยังไม่มีแนวคิดทำพื้นที่ประชุมและส่วนกลางที่เข้มแข็งพอ หลังจากนั้นจึงวางแนวคิดให้ชัดแล้วทำเป็นโคเวิร์กกิ้ง สเปซ หรือพื้นที่ทำงานแบบแบ่งปันภายใต้ชื่อ โกลว์ฟิช
ทั้งนี้ ระหว่างทำธุรกิจด้านอสังหา ริมทรัพย์ 2 ปีก่อน ก็มีโอกาสทำธุรกิจโรงแรมบนพื้นที่ที่เป็นบ้านเก่าของครอบครัว เนื่องจากทางครอบครัวย้ายออกไปอยู่ที่อื่นกันหมด จึงขอครอบครัวนำที่ดินบ้านเก่าซึ่งอยู่ใจกลางเมือง สุขุมวิทซอย 1 มาทำโรงแรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ (บูติกโฮเต็ล) ชื่อโรงแรมแอดลิบ กรุงเทพฯ ชื่อนี้มีความหมายว่า ตามใจเธอนะ เป็นคำศัพท์เกี่ยวกับการเล่นดนตรี ซึ่งโดยส่วนตัวชอบเล่นดนตรีอยู่แล้วจึงเลือกคำนี้มา ส่วนโรงแรมเริ่มจากพื้นที่ไม่ถึง 1 ไร่ แล้วค่อยๆ ซื้อเพิ่มจนมีพื้นที่ 1 ไร่
กวิน กล่าวว่า ครอบครัวเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ถือหุ้นบริษัท ดิเอราวัณ จึงได้วิ่งเล่นในโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ ตั้งแต่เด็ก และได้เป็นกรรมการบริษัท ดิเอราวัณ ปี 2554 ทำให้เรียนรู้เกี่ยวกับธุรกิจโรงแรมมามาก ซึ่งมีประโยชน์เมื่อมีโอกาสสร้างโรงแรมเอง โดยพื้นฐานความรู้จากโรงแรมขนาดใหญ่ ทำให้เรียนรู้ว่าถ้าทำโรงแรมขนาดเล็กเกินไปแล้วบริหารแบบโรงแรมใหญ่ก็ทำกำไรยาก และการทำโรงแรมเล็กต้องเปลี่ยนวิธีบริหารจัดการ
“การที่คนหาข้อมูลเดินทางออนไลน์ ดูจากทริปแอดไวเซอร์ ทำให้โรงแรมที่ไม่มีชื่อระดับนานาชาติขายตัวเองได้ ขอเพียงมีบริการดีจริงๆ มีความแตกต่าง ก็มีคนมาพักเต็มได้ แต่ถ้ามองในแง่กำไร ไม่ได้หมายความว่าห้องพักเต็มแล้วจะกำไร เพราะถ้าขนาดโรงแรมเล็กเกินไป แค่จ่ายเงินค่าจ้างคนก็หมดแล้ว”
ปัจจุบันโรงแรมแอดลิบ กรุงเทพฯ มีห้องพัก 48 ห้อง ขณะนี้อยู่ระหว่างก่อสร้างห้องพักเพิ่ม 12 ห้อง ซึ่งจะมีขนาดใหญ่กว่าห้องพักเดิม มีการออกแบบที่แตกต่างกันและเป็นระดับพรีเมียมมากขึ้น โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงเดือน ก.ย. 2560 และเปิดให้บริการห้องที่สร้างเพิ่มได้ไตรมาส 4 ปี 2560 ซึ่งจะทำให้แอดลิบ โฮเต็ล มีห้องพักรวม 60 ห้อง โดยห้องพักใหม่ทั้ง 12 ห้อง น่าจะทำราคาห้องพักได้สูงกว่าห้องเดิม 1.6-2 เท่า
ขณะเดียวกันจะปรับปรุงพื้นที่ร้านอาหารในโรงแรม จากปัจจุบันเป็นร้านอาหารที่ไม่มีแบรนด์ ก็จะนำแบรนด์มาใส่ร้านอาหารที่เปิดในโรงแรม โดยแบ่งร้านอาหารเป็น 2 ร้าน คือ ร้านอาหารนานาชาติ และร้านอาหารไทย ปัจจุบันพิจารณาอยู่ว่าจะสร้างแบรนด์ใหม่เอง หรือนำแบรนด์ที่มีชื่อเสียงในตลาดอยู่แล้วเข้ามานำเสนอ
ด้านภาพรวมโรงแรมแอดลิบ กรุงเทพฯ ปีที่ผ่านมาอัตราเข้าพักเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 90% ซึ่งเป็นระดับอัตราเข้าพักที่สร้างความท้าทายอย่างมากของโรงแรมที่มีแค่ 48 ห้อง เพราะอัตราการหมุนเวียนใช้ห้องจะสูงมาก โดยมองว่าจะต้องรักษาระดับอัตราเข้าพักไม่ให้โตไปกว่านี้ เพราะส่วนหนึ่งที่อัตราเข้าพักสูงก็เป็นเครื่องสะท้อนว่าโรงแรมอาจมีราคาห้องพักถูกเกินไป ขณะที่ปัจจุบันสัดส่วนรายได้มาจากห้องพัก 60-65% อาหารและเครื่องดื่ม 35-40% มองว่าสัดส่วนรายได้จากอาหารและเครื่องดื่มยังน้อยเกินไป ในอนาคตหากนำร้านอาหารที่มีแบรนด์มาเปิดในโรงแรมแล้ว ก็คาดหวังผลักดันรายได้จากร้านอาหารให้มีสัดส่วน 50% เท่ากับห้องพัก
กวิน กล่าวว่า การทำธุรกิจบูติกโฮเต็ลมีความยากอยู่ที่ต้องควบคุมต้นทุนให้ดี เพราะห้องมีจำนวนน้อย จะใช้งบทำตลาดมากก็ไม่ได้ จ่ายเงินกับบุคลากรมากก็ไม่ได้ และโรงแรมคือธุรกิจบริการที่ต้องอาศัยคน การเป็นโรงแรมที่ไม่ได้มีแบรนด์ระดับนานาชาติก็ทำให้เผชิญปัญหาอัตราการหมุนเวียน (เทิร์นโอเวอร์) พนักงานสูง ปีแรกๆ ที่ทำธุรกิจเทิร์นโอเวอร์สูงมาก เพราะคนก็อยากไปทำงานกับแบรนด์ใหญ่ๆ ดังๆ ที่มีคนรู้จัก กระทั่งโรงแรมแอดลิบ กรุงเทพฯ มีชื่อเสียงมากขึ้น แบรนด์เป็นที่รู้จักแล้ว จึงทำให้ปัญหาเทิร์นโอเวอร์น้อยลง
สำหรับจุดแข็งที่ทำให้โรงแรมแอดลิบ กรุงเทพฯ มีชื่อเสียงมากขึ้นจนคนอยากเข้ามาทำงานด้วย เป็นเพราะโรงแรมที่สามารถทำตลาดได้ด้วยตัวเอง เป็นผลมาจากการเริ่มต้นตั้งแต่กระบวนการคิดสร้างโรงแรม ซึ่งก็เปรียบเหมือนเป็นผลิตภัณฑ์ชิ้นหนึ่ง ต้องวางแผนทำให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช่สำหรับลูกค้าตั้งแต่แรก ถ้าส่วนใดทำออกมาแล้วไม่ใช่ต้องรีบเปลี่ยนใหม่ทันที
“สมัยนี้ถ้ามีผลิตภัณฑ์เหมือนที่ตลาดมี เวลาจะโปรโมทก็ทำได้แค่เล็กน้อย สุดท้ายงบตลาดที่ใช้ไปกับการโปรโมทเมื่อเทียบยอดขายที่เพิ่มมาอีกเล็กน้อยก็ไม่คุ้มค่า เพราะเมื่อผลิตภัณฑ์ไม่ใช่ จะเหนื่อยมากกับการโปรโมทในวันหลัง โดยส่วนตัวมองว่าผลิตภัณฑ์ต้องใช่ โดนใจผู้บริโภคตั้งแต่วันแรก มีความแตกต่าง จึงจะทำตลาดไม่เหนื่อยมาก ซึ่งก็มองว่าโรงแรมแอดลิบ กรุงเทพฯ มีส่วนผลิตภัณฑ์ที่ใช่ 60% ส่วนที่ยังไม่ใช่เราก็จะปรับปรุงใหม่ ออกแบบผลิตภัณฑ์และการบริการให้ใช่สำหรับลูกค้าที่สุด”
คำว่าผลิตภัณฑ์ที่ใช่ของกวิน คือ สามารถออกแบบการใช้พื้นที่โรงแรมแอดลิบ กรุงเทพฯ ได้ดี ที่ผ่านมาก็ได้รางวัลจากหลายสำนักด้านออกแบบ ขณะที่ความสำเร็จของโรงแรมแอดลิบ ทำให้มีเจ้าของบูติกโฮเต็ลรายอื่นสนใจอยากให้ไปบริหารโรงแรมให้ โดยอยู่ระหว่างพูดคุย ส่วนแผนขยายโรงแรมแอดลิบในอนาคตคงทำช้าๆ เพราะทุนไม่มาก ต้องให้น้ำหนักธุรกิจสำนักงานให้เช่าด้วย โดยหากขยายคงเป็นในกรุงเทพฯ อีก 1 แห่ง และระยะต่อไปถ้ามีโอกาสจะขยายแบรนด์โรงแรมแอดลิบไปต่างประเทศ
กวิน กล่าวว่า หลังจากนี้อยากทำธุรกิจที่มีอยู่ให้ดีที่สุด โดยมีหัวใจสำคัญอยู่ที่คน การทำธุรกิจต้องหาคนที่ทำให้ไฟลุก มีบุคลิกที่แตกต่าง พร้อมจะทำในสิ่งท้าทายเข้ามาทำงาน ซึ่งในธุรกิจโรงแรมก็ยอมรับว่าการมีวิทยาลัยดุสิตธานี และโรงเรียนการโรงแรมอื่นในไทยก็เป็นช่องทางสำคัญที่ทำให้หาเพชรเม็ดงามที่จะเข้ามาร่วมงานผลักดันธุรกิจโรงแรมให้เติบโตได้ง่ายขึ้น
ท้ายนี้มองว่าการทำงานไม่ว่าจะเป็นการสานต่อธุรกิจหรือเริ่มต้นใหม่เอง เมื่อทำไประยะหนึ่งจะมองเห็นได้เองว่ามีโอกาสอยู่เต็มไปหมด สามารถต่อยอดได้ทุกทาง และทักษะการบริหารจัดการหากมีแล้วก็สามารถนำไปใช้ที่ไหนก็ได้
ทั้งหมดนี้คือแนวคิดผู้ชายชื่อ กวิน


